สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อน 4 ปีแห่งการปฏิรูป ววน. เพื่อทบทวนบทเรียน รับโจทย์ และมองไปข้างหน้า ผู้ทรงคุณวุฒิชี้ต้องมีเอกภาพเชิงนโยบาย ทำงานเชื่อมโยงกับระบบการเมือง เอกชน และประชาสังคม เพื่อเป็นพลังหนุนเสริมให้ขับเคลื่อนไปได้ และมีผลงานที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมบนโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาและนวัตกรรมของประเทศ
กรุงเทพฯ – 21 มิถุนายน 2566 : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดงานเสวนา SRI Share & Learn: 4 ปีแห่งการปฏิรูป ววน. เพื่อให้หน่วยงานหลักในระบบวิจัยและนวัตกรรม ภาคีเครือข่าย และ สกสว. ได้สร้างความเข้าใจ สะท้อนคิด รับโจทย์และข้อค้นพบบทเรียน รวมถึงการมองภาพเป้าหมายและภาพอนาคตของระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ร่วมกัน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิในวงการวิจัย นักวิจัย และสื่อมวลชนร่วมงาน ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค
รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า หลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการปฏิรูปและจัดตั้งระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้ขับเคลื่อนครบ 4 ปี จึงเป็นหมุดหมายที่ควรจะเน้นย้ำความสำคัญ และทบทวนเส้นทางที่ผ่านมา โดยในปี 2566 เป็นจังหวะเปลี่ยนผ่านของคณะกรรมการหลายชุด จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะรับฟังความคิดเห็นและเสริมพลังขับเคลื่อนระบบ ววน.ของประเทศไปข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะส่งผลต่อการปรับปรุงระบบ ววน.ให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่าภาครัฐต้องตื่นตัวอยู่เสมอและพร้อมรองรับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้อเสนอดังนี้ 1) ภาครัฐจะเข้มแข็งอย่างไรก็ไม่พอในการขับเคลื่อนประเทศ จึงต้องถูกผลักโดยภาคส่วนอื่น เช่น เอกชน ประชาสังคม 2) วิทยาศาสตร์ที่จะทำให้เศรษฐกิจและสังคมพัฒนาไปได้ ต้องมีโจทย์ที่ชัดเจนจากฝั่งผู้ใช้ 3) ความเร็วเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากยังมีช่องว่างใหญ่ระหว่างฝั่งนโยบายกับฝั่งปฏิบัติ และขาดความต่อเนื่องของรัฐบาล ดังนั้นรัฐมนตรีและฝั่งนโยบายควรจะต้องลงมาคลุกคลี เก็บเกี่ยวต้นทุนเก่าและทำต้นทุนใหม่ ต้องรู้ว่าโจทย์ของประเทศคืออะไร มีเป้าที่ชัดเจน การเชื่อมโยงอยู่ตรงไหน และต้องเปลี่ยนโจทย์ให้เป็นโจทย์เดียว ซึ่งเป็นการวิจัยเพื่อสู้กับชาวโลก ให้ชุมชนแข็งแกร่งขึ้น หรือสร้างกำลังคนให้เก่งขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สังคมสูงวัย สุขภาวะ เกษตรอัจฉริยะ
ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ประธานกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวถึงเจตนารมณ์ของการปฏิรูประบบ ววน. ว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาและนวัตกรรมของประเทศที่จะนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ได้ จึงต้องการเห็นคณะกรรมการขับเคลื่อนและส่งมอบงานโดยมีทิศทางและนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยต้องมีเอกภาพเชิงนโยบาย ทั้งนี้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ สกสว.ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกัน รวมทั้งแก้กลไกการทำงานของ สกสว.และหน่วยบริหารและจัดการทุนในลักษณะ “One ววน.” เป็นทีมเดียวกันไปด้วยกัน ตลอดจนมีคลังสมองที่รวบรวมประสบการณ์และสมรรถนะความสามารถเพื่อนำพาไปสู่สิ่งที่น่าจะเป็น
ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) มองว่า การวิจัยคือโครงสร้างทางปัญญาของประเทศ ต้องมีความรู้พื้นฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แก้ปัญหาแบบมีความรู้ ในปีนี้เราทำตามเจตนารมณ์สำเร็จสามารถจัดสรรสัดส่วนงบประมาณได้ ทั้งการวิจัย สร้างคน สร้างระบบ และนำผลงานไปใช้ประโยชน์ ส่วนงานที่ต้องทำให้สำเร็จคือการทำงานวิชาการกับผู้ใช้ประโยชน์ เช่น ชุมชน เอกชน สำหรับความคาดหวังที่อยากเห็นคือ ทำระบบที่จัดสรรทุนได้อย่างรวดเร็ว มีผลลัพธ์สำคัญที่ตอบรัฐสภาได้ และมีระบบการประเมินผลที่จริงจังบนพื้นฐานความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์
ศ. ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง ประธานกรรมการอำนวยการ สกสว. กล่าวว่า ความท้าทายของระบบ ววน. คือส่วนที่เป็นพฤติกรรมของคนในระบบ ววน.และผู้เกี่ยวข้องภายหลังจากที่โครงสร้างได้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว เปรียบได้กับการขี่ช้าง ตัวสำคัญที่จะขับเคลื่อนคือช้าง ไม่ใช่เส้นทางที่ได้ออกแบบไว้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำให้ช้างอยากจะเดินไปในเส้นทางใหม่ แทนการกลับไปเดินทางเก่า เรามีวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ที่ค่อนข้างทะเยอทะยาน แต่ไม่มีทรัพยากรที่จะทำได้ทุกอย่าง สิ่งสำคัญคือ คน
พร้อมกันนี้ได้ฝากข้อเสนอว่า การปฏิรูปววน. จะต้องมีทีมงานที่มีคุณสมบัติดังนี้1. ทำหน้าที่ Intelligent ข่าวกรอง เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็ง ดังกรณีสงครมรัสเซีย-ยูเครน หากส่วนไหนทำได้รีบทำทันที แต่ส่วนไหนทำได้ช้า ให้ชะลอและหยุดไว้ก่อน 2.ความสามารถในการตัดสินใจ พร้อมลุยงาน 3. กองกำลังสำรอง เพื่อผลักให้ทีมงานลุยงานได้ และ 4. ศีลธรรม (Moral) ในการทำงานวิจัย
ด้านศ. ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น จากสถาบันวิทยสิริเมธี สะท้อนปัญหาในเนื้อหางานวิจัยและกลไกการประเมินผลงานที่ยังไม่ชัดเจน การอิงกับตัวเลขหรือผลงานตีพิมพ์แบบเหมารวมอาจจะไม่เหมาะกับงานวิจัยบางสาขาที่มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนน้อย ปัญหาการซื้อขายผลงานวิชาการ อยากให้ผู้มีอำนาจเข้ามาจัดการให้ถูกต้องตั้งแต่ในระดับการออกแบบกลไกการประเมินและสนับสนุนทุนวิจัย รวมถึงการบ่มเพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ให้เห็นโอกาสและทิศทางที่จะเดินไป
งานวิจัยอาจเป็นองค์ความรู้ของศาสตร์ ตำราหรือบทเรียน ที่ไม่ได้นำไปสู่พาณิชย์อย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องออกแบบให้ต้นหญ้าโตอย่างถูกที่ถูกทางร่วมกับต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ตัวเขาเองมีโอกาสเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้ด้วย รวมถึงต้องเข้าใจโจทย์วิจัยที่ตีพิมพ์ได้ ขณะเดียวกันยังทำงานร่วมกับเอกชนหรือชุมชนได้
“เราทำงาน Social Science ได้ Feed back จากผู้ใช้งานจริง ทำให้เทคโนโลยีเราแหลมคมมากขึ้น ซึ่งเป็นก้าวกระโดดขององค์ความรู้ (Wisdom) ถึงเข้าใจว่าสมัยอ.ปิยะวัติ เป็นผู้อำนวยการ สกว . จึงต้องลงพื้นที่ตลอดเวลา งานเราเป็น Frontier Research แต่เข้าใจว่าโจทย์การทำวิจัยเป็นอย่างไร เรายังตีพิมพ์งานวิจัยออกมาได้ เป็นการValidate Technology ยกระดับองค์ความรู้ให้เป็นงานวิจัยที่มีประโยชน์” ศ. ดร.พิมพ์ใจ กล่าว
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่มีผลลัพธ์และผลกระทบเป็นรูปธรรมที่ประชาชนรู้สึกได้ และกินได้ จึงต้องสร้างการสั่งสมความรู้ที่จับต้องได้โดยกลุ่มคนจำนวนมาก เฉกเช่นเดียวกับกรณีประชาชนของเกาหลีใต้หรือไต้หวันที่มิอาจปฏิเสธความสำคัญของ ววน. ที่ชัดเจนต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีที่มีที่มาจากเทคโนโลยีหรือหน่วยงานวิจัย นอกจากนี้การออกแบบโครงสร้างยังไม่ชัดเจนในการจัดความสัมพันธ์กับการเมือง ทำให้ขาดพลังภายนอกที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้ขับเคลื่อนไปได้ ทั้งนี้ระบบ ววน.ไม่สามารถแยกออกจากการเมืองและสังคมได้จึงต้องบูรณาการเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอาจารย์พิมพ์ใจทำโครงการที่จังหวัดน่านสำเร็จ ทำไม สส.จังหวัดน่านจะไม่สนับสนุน เนื่องจากเป็นพื้นที่ฐานเสียง เป็นต้น
ส่วนการส่งไม้ต่อระหว่างหน่วยงานในโครงสร้าง ววน. จะต้องลดขั้นตอน นโยบายกับทรัพยากรต้องไปด้วยกันเพื่อให้ทำงานได้รวดเร็ว โดยสิ่งที่ควรทำก่อนคือ สมานโครงสร้างให้มีผู้ใช้เข้ามาร่วมด้วย ตอบโจทย์ให้สังคมเห็นว่า ววน.กินได้ หรือทำงานร่วมกับภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนประเทศ พร้อมทั้งแก้ไขบทบาทหน้าที่ของสกสว.กับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ (สอวช.) โดยด่วน