BGRIM โชว์ศักยภาพซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ มูลค่า 2,520 ล้านบาท ยืนหนึ่งในผู้นำโรงไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรม


BGRIM โชว์ศักยภาพซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ มูลค่า 2,520 ล้านบาท ยืนหนึ่งในผู้นำโรงไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรม

กรุงเทพฯ – 17 มีนาคม 2563 : บี.กริม เพาเวอร์ หรือ ‘BGRIM’ หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจและจำหน่ายไฟฟ้าเอกชน โชว์ศักยภาพซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ ขนาด 123 เมกะวัตต์ มูลค่า 2,520 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผู้ผลิตไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SSP) ผลักดันกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มเป็น 3,547 เมกะวัตต์ เผยทยอยเซ็นสัญญาลูกค้าใหม่ต่อเนื่องจะเข้ามาอีก 31 เมกะวัตต์ในปีนี้ อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายราย คาดสรุปได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ปรียนาถ สุนทรวาทะ

ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM กล่าวว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ชลบุรี) 2 จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100%) ในฐานะผู้ซื้อ/รับโอนหุ้น ได้บรรลุความสำเร็จตามสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement) กับ Redman Pacific Holding Pte.Ltd. (ซึ่งมิได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท) ในฐานะผู้ขาย/ผู้โอนหุ้น เพื่อเข้าถือหุ้นจำนวน 70% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด

โดยบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม กำลังการผลิตติดตั้ง 123 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเมื่อปีพ.ศ.2559 ตั้งอยู่ใน ตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทองโดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายแห่งประเทศไทย (กฟผ) จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี สำหรับมูลค่าซื้อขายหุ้นรวมอยู่ที่ 2,520 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ได้รับอนุมัติโดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2562 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562

“ความสำเร็จในครั้งนี้ส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ ‘BGRIM’ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 3,019 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 47 โครงการ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้างโครงการอีกหลายแห่งที่จะขยายกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 3,547 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้ง 5,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปีพ.ศ. 2565 “ ปรียนาถ กล่าว

สำหรับการประเมินผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและไข้หวัด COVID-19 นั้น รายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจนัก อันเนื่องมาจากเป็นสัญญาซื้อขายไฟกับ กฟผ ในลักษณะ Take or Pay และเป็นรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในแต่ละประเทศ ในส่วนของรายได้ 25% จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมนั้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์และปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ด้วยความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าทำให้ยอดการใช้ไฟฟ้าโดยรวมค่อนข้างมั่นคง โดยยอดใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในในอัตรา 0.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยอดใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ และผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีลูกค้าใหม่อีกหลายรายรวมจำนวน 31 เมกะวัตต์ที่ส่วนใหญ่มีกำหนดการเริ่มจ่ายไฟในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีพ.ศ.2563 นี้

ทั้งนี้ ยังมีความต้องการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพอีกจำนวนมากในพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ อาทิ ความต้องการจากกลุ่มธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ปิโตรเคมี และผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับพลังงานทดแทน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าของบริษัทเพียง 130 รายจากจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดมากกว่า 1,500 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมเหล่านั้น


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save