โกลบิช (Globish) โดย บริษัท โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด สตาร์ทอัพ EdTech ผู้พัฒนา แพลตฟอร์มการเรียน Live English Classroom ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แนะสร้าง S-Curve พัฒนาทักษะคนก้าวข้าม Personal Disruption และสร้างโอกาสในการทำงาน ด้วยการใช้ภาษาอังกฤษ โดยนำแนวคิด Postmethod Pedagogy แนวทางการสอนแบบใหม่ ที่จะเปลี่ยนให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษได้ง่าย และเร็วขึ้นบนแพลตฟอร์มการเรียน Live English Classroom ตั้งเป้าพัฒนาคนไทยกว่า 100,000 คน ภายใน 5 ปี
ชื่นชีวัน วงษ์เสรี เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า Globish ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2557 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Empower People for Growth” โดยมุ่งยกระดับพัฒนาศักยภาพคนไทยให้ไม่พลาดโอกาส ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต ทั้งนี้ปัจจุบันหลายธุรกิจ กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง บนเศรษฐกิจท่ามกลางการแข่งขัน และการดิสรัปชัน (Disruption) หลายธุรกิจมุ่งพัฒนา ขับเคลื่อน ธุรกิจให้สามารถแข่งขันและก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วชนิดพลิกฝ่ามือ ทั้งนี้การสร้าง S-Curve เป็นหนทางความสำเร็จของธุรกิจ โดยการทำ S-Curve แบ่งออกเป็น 2 ด้านคือ S-Curve ในธุรกิจ และ องค์กร ด้วยการลงทุนในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใหม่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลง รูปแบบของสินค้า บริการ และช่องทางการเติบโตใหม่ ๆ และ S-Curve ในด้านการพัฒนาทักษะความ สามารถของคน เพื่อก้าวข้ามปัญหา Personal disruption ด้วยการพัฒนาทักษะของตนเองให้รองรับ กับความต้องการของธุรกิจยุคใหม่
สำหรับ 3 ทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ ด้วยเทรนด์การพัฒนา และเสริมสร้างทักษะตนเองรวมทั้งบุคลากร ขององค์กรในทศวรรษ 2020 ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ประกอบด้วย
- ทักษะการเรียนรู้ Learning Skills ประกอบด้วย 4 ทักษะสำคัญ คือ Critical Thinking: ทักษะ การคิดวิเคราะห์, Creativity: ทักษะการคิดนอกกรอบและความคิดสร้างสรรค์, Collaboration: ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น และ Communication: ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะความรู้ความเข้าใจ Literacy Skills (IMT) ประกอบด้วยทักษะสำคัญ 3 ด้าน คือ Information Literacy: ความสามารถในการเข้าใจตัวเลข สถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล, Media Literacy: ความสามารถในการเข้าใจวิธี และผลลัพธ์ของการเผยแพร่ของข้อมูลผ่านสื่อ และ Technology literacy: ความสามารถในการเข้าใจเทคโนโลยีเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว
- ทักษะการใช้ชีวิต Life Skills (FLIPS) มีทักษะที่จำเป็น 5 ด้านคือ Flexibility: พร้อมสำหรับ การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา, Leadership: สามารถกระตุ้นให้ทีมบรรลุเป้าหมายที่กำหนดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ, Initiative: สามารถเริ่มโปรเจ็กต์ พร้อมวางกลยุทธ์และแผนการด้วยตนเองได้, Productivity: สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งรบกวน และSocial Skills: สามารถสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายระหว่างบุคคลเพื่อประโยชน์ทางการงาน
“หัวใจสำคัญของการพัฒนา 3 ทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ที่ต้องมีในทศวรรษ 2020 คือการมีพื้นฐาน ภาษาอังกฤษที่ดี เพราะภาษาอังกฤษจะช่วยส่งเสริมทักษะต่าง ๆ ให้มีความเชี่ยวชาญ มากขึ้น การขาดทักษะที่ดีด้านภาษาอังกฤษจะส่งผลให้คนทำงานสูญเสียโอกาสในการทำงาน และอาจถูก Disruption ได้เช่นกัน” ชื่นชีวัน กล่าว
จากสถิติของสถาบันภาษา British Council ระบุว่าปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษาอังกฤษ รวมถึงผู้ที่ต้องการ เรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก โดย 48.6% ของเยาวชนจากเอเชียที่เลือกพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานทั้งใน และต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการทำงานของเยาวชนที่เลือกทำงานในสายงานที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษมากขึ้นในปัจจุบัน สอดคล้องกับข้อมูล จากบริษัทจัดหางานในประเทศไทย โดย บริษัท จ๊อบส์ดีบี (ประเทศไทย) ที่ชี้ชัดว่า ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษ นั้นเป็นที่ต้องการค่อนข้างสูงในตลาดแรงงาน จากการสำรวจผู้ประกอบการ 400 กว่าบริษัท พบว่าทักษะที่ นายจ้างต้องการจากนักศึกษาที่จบใหม่ประกอบด้วย ทักษะด้านการสื่อสารฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะภาษา อังกฤษ และทักษะในการทำงานที่ตรงกับสาขาวิชาชีพพบว่าทักษะด้านภาษาเป็นสิ่งที่นายจ้างต้องการมาก ที่สุดติด Top 3 หรือคิดเป็น 62% ต้องการผู้มีทักษะด้านภาษาเทียบเท่ากับผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน มาแล้ว
ปัจจุบันการใช้ภาษาอังกฤษของประชากรในประเทศไทยปีล่าสุดในปีพ.ศ.2562 พบว่าอันดับตกลงจากสถิติของ EF ( Education First)ระบุว่าระดับทักษะทางภาษาอังกฤษของประเทศไทยตกอันดับลงตลอด 3 ปีซ้อน ลงมาอยู่ที่ลำดับที่ 74 จาก 100 ประเทศ ด้วยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 47.62 คะแนน ซึ่งถือว่าน้อยมากในขณะที่ปีพ.ศ.2561 ประเทศไทยจัดอยู่ในลำดับที่ 64 จาก 88 ประเทศ ด้วยคะแนนเฉลี่ย 48.54 คะแนนนับเป็นคะแนน ต่ำสุดเป็นอันดับ 3 สุดท้ายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสูงกว่าเขมร เมียนมา และลาว และเป็นอันดับที่ 17 จาก 25 ของเอเชีย
จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าหากคนไทยไม่พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น อาจจะส่งผลต่อ การจ้างงานในอนาคต ชื่นชีวัน กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ Globish จึงมีเป้าหมายยกระดับพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษของคนไทยให้สูงขึ้น รองรับสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแรง และยั่งยืน ได้ในอนาคต โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนการสอน Live English Classroom ซึ่งใช้แนวคิดการเรียนรู้ แบบใหม่ Postmethod Pedagogy การเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษ ได้ง่าย และเร็วขึ้น ด้วยหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ ที่จะมุ่งปลดล็อกข้อจำกัด พร้อมเสริมทักษะ ในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยได้อย่างตรงจุด
โดยเสนอแนวคิดการจัดการเรียนการสอนภาษาที่ไม่ยึดระเบียบแผนเดิมที่คำนึงถึง 3 ประเด็นหลัก คือ ความเฉพาะเจาะจง (Particularity) การนำไปใช้ได้จริง (Practicality) และความเป็นไปได้ (Possibility) โดยเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านบริบทที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นสิ่งที่อยู่ รอบตัว เพิ่มการเปิดรับทางภาษาด้วยแนวคิดการใช้หลักสูตรที่ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญชาวไทยเพื่อคนไทย โดยเฉพาะ พร้อมมอบอำนาจให้กับผู้สอนและผู้เรียน โดยอาจใช้วิธีการออกแบบใหม่การสร้างบริบทเนื้อหา หรือเลือกบทเรียนจากหลาย ๆ แหล่งที่คิดว่าเหมาะสมกับนักเรียนในบริบทนั้นมากที่สุด โดยคำนึงถึง Context-sensitive เช่น Live English Classroom แบบตัวต่อตัวที่เหมาะกับคนที่ไม่มั่นใจ เป็นผู้บริหาร หรือผู้มีชื่อเสียงที่ไม่ต้องการเรียนร่วมกับคนอื่น Live English Classroom แบบกลุ่มที่เหมาะสำหรับ คนที่ต้องการอภิปรายร่วมกับคนไทยคนอื่น ๆ e-Learning เพื่อเรียนรู้เรื่องไวยากรณ์ เป็นต้น ซึ่ง Globish มี เป้าหมายพัฒนาคนไทยจำนวนกว่า 100,000 ภายใน 5 ปี โดยมีกลุ่มผู้บริหาร ผู้นำธุรกิจ ผู้จัดการ คนวัยทำงาน เป็นเป้าหมายหลัก
ธกานต์ อานันโทไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า Globish ก่อตั้งในปีพ.ศ.2557 ได้เงินทุน (Funding) 40 ล้านบาท ได้สร้างแพลตฟอร์มเสร็จในปีพ.ศ.2558 จากนั้นในปีพ.ศ.2559 Globish เริ่มจับตลาดกลุ่มที่มีความต้องการเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุด คือ คนวัยทำงาน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 20 -45 ปี
ตั้งแต่ปีพ.ศ.2559-2562 ธุรกิจของ Globish เติบโตเนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.เทคโนโลยีของไทย ซึ่งก่อนหน้านั้นไทยยังใช้ระบบ 3 G ส่งผลให้การเรียนการสอนค่อนข้างลำบากมาก ห้องเรียน 100 ห้อง มีปัญหาถึง 30-40% ในปีพ.ศ 2559 ไทยมีระบบ 4 G มีปัญหาไม่เกิน 3 ห้องถือเป็นช่วงที่ White Timing และ2. โฟกัสที่ Centralize Learning ไปสู่ Corporate มากขึ้น เนื่องจากมีคนเรียนไม่จบ บางคนอาวุโสไม่ต้องการเรียนกับเด็ก และข้ออ้างในการติดงาน ว่างไม่ตรงกัน ซึ่งข้ออ้างดังกล่าวจบเพราะได้เรียนแบบส่วนตัวตามที่ต้องการ ทั้งนี้ Globish มี ROI สำหรับหน่วยงานและองค์กร เพื่อประเมินประสิทธิภาพการเรียนของพนักงานด้วยว่าหลังจากเรียน ประสิทธิภาพภาษาอังกฤษดีขึ้นมากน้อยเพียงใด รวมทั้งมีวิดีโอส่งให้ผู้บริหารได้เห็นถึงพัฒนาการขิงพนักงานด้วย
ธกานต์ กล่าวว่า ในปีพ.ศ. 2562 ที่ผ่านมามีสถิติการเติบโตขึ้นกว่าปีพ.ศ2561 เพิ่มขึ้นกว่า 190% โดยแบ่งกลุ่มผู้เรียนเป็นเด็ก 10% กลุ่มคนวัยทำงาน 90% ซึ่งรวมถึง B2B 20% และคาดว่าในปีพ.ศ. 2563 นี้ ด้วยทิศทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Globish ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้คนเรียนที่บ้านมากขึ้น และกระแสการ Upskill และ Reskill หลายคนต้องการหา S-Curve ให้ตัวเอง จะช่วยผลักดันการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโต 120% คิดเป็นรายได้ 220 ล้านบาท มี 250,000 ห้องเรียน นักเรียน 7,000 คน และ 300 บริษัท
ในปีนี้ Globish มีแผนที่จะพัฒนาคอร์สเรียนใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน ที่หลากหลายขึ้น โดยมุ่งเน้นพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษในกลุ่มอาชีพที่นอกเหนือจากกลุ่มสายธุรกิจ ไปยังกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง เช่น กลุ่มอาชีพทางการแพทย์ วิศวกร ซึ่งปรับตัวสนใจเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยสาขาที่มาเรียน คือ สาขา Mechanic และ ซอฟต์แวร์ที่เน้นการสนทนาภาษาอังกฤษทั่วไป เพื่อใช้ในการสื่อสารในการทำงานกับต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้ที่มาเรียนพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนมีสัดส่วนถึง 97% ที่เหลืออีก 3% ที่ไม่พัฒนา ซึ่งเป็นโอกาสของ Globish ในการดำเนินธุรกิจต่อไป
สำหรับเทคโนโลยี 5G ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ก้าวหน้าในระดับสากล ด้วยความเร็วของเครือข่าย 5G สามารถพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่ทันสมัย และเข้าถึงผู้เรียนแบบไร้ขีดจำกัด
ดังนั้นเราจึงถือโอกาสตอกย้ำนโยบายมุ่งยกระดับการศึกษาไทย ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชัน Globish ให้สามารถเข้าถึงรูปแบบการเรียนได้ในทุกเทคโนโลยี ทุกเครื่องมือสื่อสาร เพื่อตอบรับพฤติกรรมการใช้งานของผู้เรียนให้ได้มากที่สุด ในปัจจุบันผู้เรียน Live English Classroom นิยมเรียนบนสมาร์ทโฟน (Smartphone) เป็นอันดับแรกกว่า 50 % ตามด้วยเดสก์ทอป (Desktop) 45% และแท็บเล็ต (Tablet) 5%” ธกานต์ กล่าว
นอกจากนี้ Globish มีเป้าหมายให้ครูสอนภาษาอังกฤษในต่างจังหวัดได้เรียนภาษาอังกฤษฟรี โดยส่งอาสาสมัครลงไปพูดคุยภาษาอังกฤษ เพื่อครูเหล่านั้นจะได้นำความรู้ไปเผยแพร่ต่อเด็กนักเรียนในต่างจังหวัดอีกที
ในบรรดาผู้ร่วมทุนมี Rare Job ซึ่งเป็นบริษัท Online Learning ขนาดใหญ่ที่ญี่ปุ่น มีห้องเรียน 20,000 ห้อง ซึ่ง Globish ได้ทำการศึกษาเพื่อขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น โดยในปีถัดไปคาดว่าจะทำรายได้ 500-600 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่ Globish เติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากไทยแล้วยังมีแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในแถบอาเซียน รวมทั้งบังคลาเทศและปากีสถานอีกด้วย
“เราคาดว่าจะปรับเป็น Corporate ในอนาคต โดยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ Bon Angels บริษัทด้าน English Learning ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ให้คำแนะนำเรื่องปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อก้าวไปสู่น้องๆ Unicorn” ธกานต์ กล่าว