กรุงเทพฯ – ประเทศไทย : เมื่อเร็วนี้ Dyson ได้เปิดตัวพัดลมกรองอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมเทคโนโลยี Solid-state ในการตรวจจับฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ แม้กระทั่งทำลายสาร VOCs ที่อาจเป็นอันตราย รวมถึงฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นสารก่อมลพิษในก๊าซที่ไม่มีสี มีแหล่งกำเนิดมาจากเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ต่าง ๆ เช่น ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด เป็นต้น และวัสดุที่เป็นฉนวนหรือผลิตภัณฑ์ เช่น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ น้ำมันขัดเงา และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน โดยสารเหล่านี้มีขนาดที่เล็กกว่าอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอนถึง 500 เท่า จึงตรวจจับได้ยากเป็นพิเศษ และหากปล่อยทิ้งไว้ อาจเป็นอันตรายเนื่องจากได้สัมผัสสารเคมีในอากาศอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ในขณะที่เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์แบบ Gel-based อื่น ๆ อาจเสื่อมสภาพตามกาลเวลาและอาจเกิดความสับสนในการทำงานตรวจจับมลพิษ VOC อื่น ๆ เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์แบบ Solid-state แบบใหม่ที่ทำงานร่วมกับอัลกอริธึมเฉพาะของ Dyson สามารถตรวจสอบระดับฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างแม่นยำ โดยไม่สับสนกับก๊าซอื่น ๆ ที่ถูกตรวจจับโดยเซ็นเซอร์ VOC โดยเฉพาะ
วิศวกรของ Dyson ได้ออกแบบเส้นทางการไหลเวียนของอากาศใหม่เพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน HEPA 13 อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มั่นใจว่าอากาศจะไม่รั่วไหลผ่านตัวกรอง และยังปิดกั้นจุดรั่วที่อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้อากาศสกปรกไหลเข้าสู่กระแสลมได้ พัดลมกรองอากาศรุ่นล่าสุดของ Dyson สามารถกำจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอนได้ 99.95% นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบเส้นทางการไหลเวียนของอากาศยังทำให้พัดลมกรองอากาศ Dyson Pure Cool และพัดลมกรองอากาศ Dyson Pure Cool Formaldehyde ทำงานเงียบลงถึง 20% โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองอากาศลดลง
Alex Knox รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Environmental Care ของ Dyson กล่าวว่า ก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์เป็นสารที่ตรวจจับได้ยากมากและอาจตกค้างอยู่ภายในบ้านเป็นเวลาหลายปี Dyson ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจจับ ดักจับ และทำลายมลพิษเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำและประสบความสำเร็จ เซ็นเซอร์ Solid-state ของเราจะไม่ลดประสิทธิภาพในการทำงานตามการเวลา จึงทำให้เครื่องมีอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน ทั้งนี้
“การระบาดใหญ่ของ COVID–19 ได้สร้างความตระหนักทั่วโลกเกี่ยวกับอากาศที่เราหายใจเข้าไป ความมุ่งมั่นของ Dyson ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้อากาศสะอาดขึ้นผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจึงยังคงเป็นภารกิจหลักของเรา” Alex Knox กล่าว
เจนเนอร์เรชั่นที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในอาคาร
ในทุก ๆ วัน มนุษย์สามารถสูดอากาศได้ถึง 9,000 ลิตร แม้กระทั่งก่อนที่มีการระบาดของโควิด-19 เราใช้เวลามากถึง 90% อยู่ในบ้านและอาคาร เนื่องจากบ้านของเรากลายเป็นพื้นที่ที่เรากิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำงาน ออกกำลังกาย นอนหลับและเล่นมากขึ้น คุณภาพของอากาศที่เราหายใจเข้าไปในทุก ๆ ส่วนของกิจวัตรประจำวันของเรานั้นจึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ
แหล่งกำเนิดมลพิษภายในอาคารเกิดจากหลายปัจจัยที่ปล่อยมลพิษ เช่น PM10, PM2.5, VOCs, NO2 และฟอร์มาลดีไฮด์สู่อากาศ แหล่งที่มาของมลพิษมีอยู่ในทุกมุมในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็น PM2.5 ที่ปล่อยออกมาจากการปรุงอาหาร สาร VOCs ที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือการปล่อยก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์อย่างต่อเนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่นของเรา กลุ่มผลิตภัณฑ์พัดลมกรองอากาศ Purifier Cool รุ่นใหม่ของ Dyson ได้ถูกปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุดในสามส่วนหลัก ได้แก่ การตรวจจับ การกรอง และระบบเสียง
ตรวจจับและทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ได้แม่นยำ
นอกจากเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับอนุภาคอย่าง NO2 และ VOCs รวมทั้งตรวจจับอุณหภูมิและความชื้นที่ติดตั้งอยู่แล้ว ตัวเครื่องยังมีเซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์อัจฉริยะ ช่วยให้สามารถตรวจจับสารมลพิษได้อย่างแม่นยำตลอดอายุการใช้งานของเครื่อง เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์สามารถเป็นแบบ Gel-based ซึ่งอาจจะค่อย ๆ เสื่อมลงเมื่อแห้งตามกาลเวลา เมื่อใช้เซลล์ไฟฟ้าที่เป็นเคมี เซ็นเซอร์ฟอร์มาลดีไฮด์ของ Dyson จึงไม่แห้ง เมื่อทำงานกับอัลกอริธึมอัจฉริยะที่เป็นเอกลักษณ์จะตรวจสอบข้อมูลทุกวินาที โดยสามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ ไม่สับสนกับ VOC อื่น ๆ
ระบบตัวกรอง Selective Catalytic Oxidisation (SCO) ของ Dyson สามารถทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างต่อเนื่องที่ระดับโมเลกุล ตัวกรองของตัวเร่งปฏิกิริยามีการเคลือบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีโครงสร้างเหมือนกับแร่ Cryptomelane ขนาดที่เท่ากับอะตอมหลายพันล้านของมัน มีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสมที่สุดในการดักจับและทำลายฟอร์มาลดีไฮด์ให้กลายเป็นน้ำปริมาณเล็กน้อยและคาร์บอน
ไดออกไซด์ จากนั้นจะสร้างให้เป็นออกซิเจนในอากาศ
การกรองแบบ Full-machine HEPA
ในพัดลมกรองอากาศรุ่นใหม่ของ Dyson ไม่ใช่แค่ระบบตัวกรองเท่านั้นที่ตรงตามมาตรฐาน HEPA H13 แต่เป็นระบบตัวเครื่อง สามารถดักจับไวรัส H1N1 และอนุภาคได้ 99.95% ที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน เช่น สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย และละอองเกสร วิศวกรของ Dyson ใช้วิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้เครื่องจักรที่ปิดสนิท โดยสร้างซีลแรงดันสูงเพิ่มเติมอีก 24 จุด เพื่อป้องกันอากาศสกปรกไม่ให้ไหลผ่านตัวกรองและปล่อยออกมาในห้อง
Dyson Purifier Cool ออกแบบวิศวกรรมเสียงให้เงียบลง 20%
วิศวกรของ Dyson ได้เพิ่มความพยายามในการลดเอาต์พุตเสียงของ Dyson Purifier Cool ลงในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพในการกรองอากาศให้บริสุทธิ์ ด้วยการออกแบบและทดสอบหลายรอบในห้องที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ทดสอบเสียงภายศูนย์พัฒนา Dyson ประเทศมาเลเซีย เครื่องจักรได้รับการปรับปรุงทางวิศวกรรมใหม่ ทำให้เครื่องมีเสียงเงียบลง 20% ลดปัญหาเสียงรบกวน โดยวิศวกรของ Dyson ได้ปรับปรุงเส้นทางการไหลเวียนของอากาศโดยขยายรูรับแสง (ช่องที่อากาศออกจากเครื่อง) และปรับปรุงรูปทรงซึ่งจะช่วยลดปริมาณแรงเสียดทานระหว่างอากาศและพื้นผิวของเครื่องได้ ส่งผลให้เสียงมีระดับลดลงจาก 64 เป็น 61 เดซิเบลในระดับโหมดพัดลมสูงสุด
เทคโนโลยี Air Multiplier
เทคโนโลยี Dyson Air Multiplier ช่วยให้เครื่องสามารถกระจายอากาศที่บริสุทธิ์ไปยังทุกมุมห้อง การทำงานโหมดอัตโนมัติช่วยให้เครื่องสามารถรักษาระดับอุณหภูมิของห้องและคุณภาพอากาศที่ต้องการได้ ในขณะที่เครื่องสามารถควบคุมได้ทั้งหมดด้วยแอป Dyson Link และเปิดการสั่งงานด้วยเสียงได้
ออกแบบใช้งานกับสภาพแวดล้อมของบ้าน
พัดลมกรองอากาศของ Dyson ถูกออกแบบมาให้เข้ากับขนาดพื้นที่ของบ้านจริง ๆ โดยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมในการทดสอบพัดลมกรองอากาศจะวัดประสิทธิภาพโดยใช้การทดสอบในห้องปฏิบัติการขนาดเล็กเพียง 12 ตร.ม. พร้อมพัดลมติดเพดานเพื่อหมุนเวียนอากาศ และเซ็นเซอร์หนึ่งตัวภายในห้องเพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศ แต่สำหรับการทดสอบของ Dyson นั้น เป็นการทดสอบแบบ POLAR ซึ่งสดสอบกับขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้น คือขนาด 27 ตร.ม. โดยไม่มีพัดลมเสริม และใช้เซ็นเซอร์ถึงแปดตัวติดตั้งที่มุมห้องและหนึ่งเซ็นเซอร์ตรงกลางเพื่อรวบรวมข้อมูลคุณภาพอากาศ