อาลีบาบา คลาวด์ เสริมแกร่งศักยภาพทักษะดิจิทัลในไทย เตรียมแผนเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทยปีหน้า


อาลีบาบา คลาวด์ เสริมแกร่งศักยภาพทักษะดิจิทัลในไทย เตรียมแผนเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทยปีหน้า

กรุงเทพฯ : อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป สานต่อพันธกิจในประเทศไทย หลังจัดตั้งธุรกิจในไทยในปีที่ผ่านมา เผยมีลูกค้าแล้วนับพันราย และคู่ค้า 30 ราย  เดินหน้าจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยในปีหน้า รองรับการเติบโตด้านคลาวด์ของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น (1) และความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีผลพวงมาจากการระบาดของ COVID-19   พร้อมจับมือ มหาวิทยาลัยมหิดลฝึกอบรมบุคลากรที่มีทักษะความสามารถด้านดิจิทัล ตอบโจทย์นโยบาย Thailand 4.0  

 

อาลีบาบา คลาวด์ เสริมแกร่งศักยภาพทักษะดิจิทัลในไทย เตรียมแผนเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทยปีหน้า

อาลีบาบา คลาวด์ ได้รับการจัดอันดับจากการ์ทเนอร์ ห้เป็นผู้บริการคลาวด์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดตัว Thailand Partner Alliance 100  ระบบนิเวศที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพันธมิตรในท้องถิ่นและส่งเสริมการทำงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการตลาด การขายและสนับสนุนทางด้านเทคนิค องค์กรธุรกิจสามารถเข้าใช้งานเครื่องมือดิจิทัลที่สำคัญต่าง ๆ ในระบบนิเวศนี้ได้ และพันธมิตรด้านโซลูชัน (Solution Partners) จะได้รับผลกำไรที่แข่งขันได้ในระดับสูงเมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ เช่น ECS, Database, Content Delivery Networks and Short Message Services รวมถึงการให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและเงินทุนด้านการผสานรวมเทคโนโลยีสำหรับพันธมิตรด้านโซลูชันที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนอาลีบาบา คลาวด์ สำหรับพันธมิตรด้านบริการ (Service Partners) จะสามารถเข้าใช้การสนับสนุนด้านการโยกย้ายการทำงานระหว่างระบบต่าง ๆ และได้รับคลาวด์เครดิตฟรี 

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการเติบโตของผู้ใช้งานบริการพับลิคคลาวด์ทั่วโลกจะอยู่ที่ 23.1 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.. 2564 เมื่อเทียบกับในปี พ.. 2563(2)  ด้วยอัตราการใช้คลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก และโอกาสต่าง ๆ ที่ธุรกิจในท้องถิ่นจะได้รับจากระบบคลาวด์ ทำให้หนึ่งในพันธกิจหลักของอาลีบาบา คลาวด์คือการทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรไทย เพื่อเสริมศักยภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลให้กับลูกค้า ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่ทรงคุณค่าของบริษัทฯ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นสามารถรองรับและสนับสนุนได้หลากหลายภาคอุตสาหกรรม

นัซซัลน์ หลีหาด หัวหน้าฝ่ายสถาปนิกด้านโซลูชัน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า อาลีบาบา คลาวด์มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันบริษัทฯ  มีดาต้าเซ็นเตอร์  25 แห่งทั่วโลก  ในปีหน้า ไทยเป็น 1 ประเทศเป้าหมายในการจัดตั้งดาต้า เซ็นเตอร์   เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสตาร์ทอัป SME และหน่วยงานราชการ    ทั้งนี้จุดเด่นของอาลีบาบา คลาวด์ คือ การมีโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น  Fin Tech  มีโซลูชัน e-wallet  โซลูชันพลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง Smart City  และทีมงานที่มีความรู้ในเชิงลึก (Deep)

สำหรับตัวอย่างผู้ค้าปลีกไทย จะได้ประโยชน์จากโซลูชันของอาลีบาบา คลาวด์ ที่รองรับการใช้งานกับลาซาด้า (Lazada) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอาลีบาบา กรุ๊ป จะสามารถเข้าใช้งานชุดโซลูชันต่าง ๆ ตั้งแต่โซลูชันในการผสานการทำงานระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ บนเส้นทางการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของผู้บริโภค ไปจนถึงบริการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และการตลาดที่เจาะลูกค้าเป็นรายบุคคล นอกจากนี้อาลีบาบา คลาวด์ ยังให้บริการด้านต่าง ๆ กับบริษัทด้านการเงินของไทย เช่นบริการที่รองรับเทคโนโลยี eKYC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการยืนยันพิสูจน์ตัวตนและการทำความรู้จักลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการที่รองรับการหาลูกค้าใหม่ผ่านอุปกรณ์โมบาย และโซลูชันการให้สินเชื่อดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นต้น

 

ไทเลอร์ ชิว ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า อาลีบาบา คลาวด์ดำเนินธุรกิจในไทยปี้เป็นปีที่ 2   เนื่องจากประเทศไทยเป็น Top Country  ด้าน GDP ต่อหัว รองจากสิงคโปร์ อีกทั้งประชาชนมีการใช้อินเทอร์เน็ตปริมาณสูง  ในปีที่ผ่านมา มีลูกค้าในไทยนับพันราย มีพาร์ทเนอร์ 30 ราย  มีการจัด Workshop มากกว่า 100 หลักสูตร ด้วยเล็งเห็นถึงความต้องการของธุรกิจไทยในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลสำคัญต่อประเทศมากเพียงใด และประเทศจะได้ประโยชน์อะไรบ้างในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงนี้ อาลีบาบา คลาวด์ได้ทุ่มเทเพื่อให้โซลูชันต่าง ๆ ของเราพร้อมใช้สำหรับทุกคน รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศที่รองรับอนาคตทางดิจิทัล ขณะนี้อาลีบาบา คลาวด์ มีแผนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ในปี พ.. 2565 เพื่อรองรับการเติบโตด้านคลาวด์ของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น (3) และความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีผลพวงมาจากการระบาดของ COVID-19  โดยอาลีบาบา คลาวด์ ตั้งเป้าจะเป็น Thailand Top Digital Provider ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Thailand 4.0  ด้วยเทคโนโลยีทั้งหมดที่มี

 

สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในประเทศไทยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจไทยและธุรกิจจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้สนับสนุนการดำเนินงานในระดับสากลของอาลีบาบา กรุ๊ปเอง  รวมทั้งกลุ่มเป่าหมาย 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก โลจิสติกส์,  Fintech และสื่อและความบันเทิง และการตลาดดิจิทัล

จากรายงาน BOI’s Data Center and Cloud Service in Thailand (4) ได้คาดการณ์ว่าภายในปี .. 2570 เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะมีสัดส่วน 25% ของ GDP ของประเทศ ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือ อีคอมเมิร์ซ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ต่าง ๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจดิทัลทั่วโลก และเป็นที่คาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของอาเซียนจะมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี พ.. 2567

ปัจจุบันผู้บริโภคไทยและในอาเซียนได้รับแรงจูงใจให้ใช้บริการดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ กำลังปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างมาก ซึ่งจะเพิ่มความต้องการดาต้าสตอเรจและบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่ทำงานบนคลาวด์ อาลีบาบา คลาวด์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของบริษัทในประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จตามนโยบาย Thailand 4.0 ของประเทศไทย

ไทเลอร์ ชิว กล่าว

นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ได้เปิดตัว Academic Empowerment Program ซึ่งเป็นโครงการเสริมศักยภาพทางวิชาการให้กับนักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัย เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต  ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับทรัพยากรด้านคลาวด์คอมพิวติ้งฟรี รวมถึงโอกาสในการฝึกอบรม และความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็น

กลยุทธ์ 20 ปีของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมนวัตกรรมด้านดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมทักษะดิจิทัลให้กับผู้เข้าร่วมโปรแกรมจำนวน 20,000 คนภายในปี พ.. 2566 โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมกับอาลีบาบา คลาวด์ ในโครงการด้านนี้ ซึ่งความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดลและอาลีบาบา คลาวด์ จะเป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้นักศึกษาได้มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งใหม่และเรียนรู้ทักษะดิจิทัลที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อร่วมกันสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

(1) Source: https://techwireasia.com/2021/05/public-cloud-spending-set-to-spike-in-thailand/

(2) https://www.gartner.com/en/newsroom/press-releases/2021-04-21-gartner-forecasts-worldwide-public-cloud-end-user-spending-to-grow-23-percent-in-2021

(3) Source: https://techwireasia.com/2021/05/public-cloud-spending-set-to-spike-in-thailand/

(4) https://www.boi.go.th/upload/content/DataCenterANdCloudService.pdf


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save