หอการค้าไทย-จีน รวมพลังภาครัฐ-และเอกชน จัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (WCEC) ครั้งที่ 16 “ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยภูมิปัญญานักธุรกิจจีน”


กรุงเทพฯ -22 กุมภาพันธ์ 2566 : ฯพณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน ร่วมแถลงข่าวและสนับสนุนการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention-WCEC) ครั้งที่ 16 ณ หอประชุมใหญ่หอการค้าไทย-จีน อาคารไทยซีซี ทาวเวอร์

กรุงเทพฯ -22 กุมภาพันธ์ 2566  : ฯพณฯ จุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  พร้อมด้วย ฯพณฯ  หาน จื้อเฉียง  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย  ชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน ร่วมแถลงข่าวและสนับสนุนการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention-WCEC) ครั้งที่ 16  ณ หอประชุมใหญ่หอการค้าไทย-จีน อาคารไทยซีซี ทาวเวอร์

ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน

ณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน กล่าวว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และยังมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาของนักธุรกิจชาวจีน  ในฐานะผู้จัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16  นี้ หอการค้าไทย-จีน มีหน้าที่สร้างเวทีใหม่เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกหลังยุคโควิด ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ๆภายใต้วิกฤต และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแบบพหุภาคีและหลากหลายรูปแบบของความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อเปิดยุคใหม่ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในโลกในยุคใหม่  เพื่อสืบสานจิตวิญญาณของนักธุรกิจชาวจีนและมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังนักธุรกิจชาวจีนรุ่นใหม่ในยุคใหม่เพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาคุณภาพสูงของความทันสมัยสไตล์จีนและความเจริญรุ่งเรืองของชาวจีนในอนาคต และสร้างคุณูปการใหม่ให้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ณรงค์ศักดิ์  กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์กลางของอาเซียนและเป็นประเทศที่มีนักธุรกิจชาวจีนอาศัยมากที่สุด       มีรากฐานอุตสาหกรรมและการค้าที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ มีความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับจีนและโลกในด้านอุตสาหกรรม การพาณิชย์ การเกษตร เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงาน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมใหม่ๆ  ปัจจุบัน รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการเชื่อมโยงในเชิงลึกระหว่าง “ไทยแลนด์ 4.0″, ” เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC” และ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง -BRI” ของจีน   รวมถึงการเชื่อมโยงโอกาสจากการพัฒนาอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกงและมาเก๊า  การพัฒนาเขตการค้าเสรีไห่หนาน  ระเบียงเศรษฐกิจปักกิ่ง เทียนสิน เหอเป่ย และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงของจีน นอกจากนี้ จากความก้าวหน้าของ RCEP ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกสำหรับการลงทุนของนักลงทุนชาวจีน

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

จุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ในครั้งนี้  เนื่องด้วย เวทีความร่วมมือดังกล่าว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนที่แน่นแฟ้น โดยมีนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 4,00 คน  กระทรวงพาณิชย์มีความยินดีที่จะสนับสนุนและผลักดันให้เกิดความร่วมมือและผลลัพธ์ที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ และเชื่อว่า ทุกภาคส่วนในประเทศไทยก็พร้อมที่จะร่วมทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและวิสัยทัศน์ ในการสร้างมิติใหม่ของ “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมรอบด้าน

ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีโอกาสร่วมสร้างความสัมพันธ์ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากมูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนตลอดทั้งปี 2565 ซึ่งจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมถึง 3.69 ล้านล้านบาท ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 เมื่อเทียบกับปี 2564 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.9 ของการมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย  นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความตกลงทางการค้าที่ทันสมัยเชื่อมกับจีนในทุกระดับทั้งการยกระดับ เอฟทีเอ อาเซียน-จีน/ การบังคับใช้ความตกลง RCEP/ ไปจนถึงความตกลงระดับมณฑลและเมืองรองต่างๆ หรือ “mini FTA” ซึ่งปัจจุบันได้ลงนามทั้งสิ้น จำนวน 7 ฉบับ สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น มีตั้งแต่มณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู่ และมีกำหนดจะลงนามกับเมืองเซินเจิ้นในวันที่ 1 มีนาคม ที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์มี ข้อตกลงความร่วมมือกับยูนนานที่ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นกลไกสำคัญในการเร่งรัดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าของทั้งไทยและจีนให้เติบโตยิ่งขึ้นไป

ด้วยศักยภาพและความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกของหอการค้าไทย-จีน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันให้การจัดงานครั้งนี้สำเร็จลุล่วง  และขอให้การจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก หรือ WCEC ครั้งที่ 16 กลายเป็นเวทีแสดงศักยภาพความสามารถของประเทศในระดับสากล พร้อมต้อนรับนักธุรกิจชาวจีนโลก และสร้างความประทับใจในฐานะเจ้าภาพการจัดงาน” จุรินทร์ กล่าว

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ชัชชาติ  สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 ซึ่งจะมีนักธุรกิจชาวจีนจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมและมีครอบครัวหรือผู้ติดตามร่วมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนในประเทศ และยังมุ่งหวังให้เกิดการท่องเที่ยวภายในย่านต่างๆอีกด้วย  นับเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้มาเยือนและพัฒนาสู้การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจร่วมกัน  กรุงเทพมหานครยินดีให้การสนับสนุนเพื่อพัฒนาเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

บุญยงค์ ยงเจริญรัฐ รองประธานหอการค้าไทย-จีน และประธานคณะกรรมการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16

บุญยงค์  ยงเจริญรัฐ  รองประธานหอการค้าไทย-จีน และประธานคณะกรรมการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16  กล่าวถึงความเป็นมาของ “เวทีประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก หรือ WCEC” ก่อตั้งขึ้นโดย หอการค้าและอุตสาหกรรมจีนสิงคโปร์  หอการค้าจีนฮ่องกง และ หอการค้าไทย-จีน และจัดประชุมครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1991 และจัดประชุมทุกๆ 2 ปี  การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 15 เป็นครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. 2019   เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19ที่ผ่านมา  ทำให้การจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก เว้นห่าง เป็นเวลาถึง 4 ปี

การประชุม WCEC ครั้งที่ 16  นี้กำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2566  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะจัดเป็นกิจกรรมแรกของ WCEC ภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19   หอการค้าไทย-จีน ได้ออกหนังสือเชิญไปยังองค์กรธุรกิจที่สำคัญๆในโลก  (เช่น สิงคโปร์  ฮ่องกง  มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน  ลาว กัมพูชา เมียนมา มาเก๊า   จีน  เกาหลีใต้  ญี่ปุ่น  ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐฯ บราซิล  ดูไบ  เนเธอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมนี อังกฤษ เป็นต้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจจีนรายใหญ่  และองค์กรภาคธุรกิจไทย

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดประชุม WCEC ดังกล่าว จะมีนักธุรกิจชาวจีน และ     นักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล  กว่า 2,000 คน  และคาดว่าจะมีผู้ติดตามรวมๆ 4,000 คน ร่วมเดินทางเยือนประเทศไทย จะมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย  สำหรับนักธุรกิจจีนและนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยในประเทศไทย ประมาณ 1,000 คน จะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้” บุญยงค์ กล่าว

จากการรวมนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกเข้าด้วยกันและส่งเสริมการพัฒนาของนักธุรกิจชาวจีน  หอการค้าไทย-จีน ยังต้องการให้นักธุรกิจจีนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และบันทึกบทใหม่สำหรับความร่วมมือแบบ win-win เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจไทยและเจริญก้าวหน้าของกิจการของนักธุรกิจจีน


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save