ฟอร์ติเน็ต เปิดแผนธุรกิจ 2023 ตอกย้ำผู้นำโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจรทั้ง IT-OT


ฟอร์ติเน็ต เปิดแผนธุรกิจ 2023 ตอกย้ำผู้นำโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจรทั้ง IT-OT

ฟอร์ติเน็ต ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบอัตโนมัติและครบวงจร เผยการปฏิรูปทางดิจิทัล (Digital Transformation) ในองค์กรธุรกิจ และการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลจะนำไปสู่การเปิดพื้นที่โจมตี (Attack Surface) ที่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้และปีต่อๆ ไป พร้อมเปิดแผนดำเนินธุรกิจปี 2023 มุ่งหน้าตอบโจทย์ความต้องการระบบการรักษาความปลอดภัยสำหรับ OT (Operational Technology)  กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น เตรียมจับมือภาคการศึกษา หน่วยงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ปั้นมืออาชีพ รองรับความต้องการบุคลากรไซเบอร์ในประเทศไทย

ภัคธภา ฉัตรโกเมศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ติเน็ต กล่าวว่า  ฟอร์ติเน็ตให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2007  มีพนักงานในไทยมากกว่า 40 คน ปัจจุบัน Deployed ดีไวซ์ 96,000 เครื่อง ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย มีลูกค้ามากกว่า 3,500 ราย มี Business Partnerที่ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1,000 ราย  มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% ในผลิตภัณฑ์ Next -Gen Firewall ซึ่งใช้ในภาคธุรกิจ และมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาในเรื่อง AI และMachine Learning ทำให้ตรวจพบ Threat ทั่วโลกจำนวน200 พันล้านต่อวัน ปัจจุบันฟอร์ติเน็ตมีสิทธิบัตรทั่วโลก1,285 สิทธิบัตร ซึ่งมากกว่าตลาด 3 เท่า

 

เป็นที่คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีส่วนใน GDP หรือผลิตภัณฑ์รวมในประเทศทั้งหมดของประเทศไทยถึง 30% ภายในปี 2030 ยิ่งเศรษฐกิจดิจิทัลมีการเติบโต มีการทรานส์ฟอร์มในธุรกิจและอุตสาหกรรมมากขึ้น จะยิ่งเห็นความถี่และความซับซ้อนของการโจมตีที่เพิ่มขึ้น ทำให้การเฝ้าระวังและการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ยิ่งทวีความสำคัญ

 

จากรายงานล่าสุดของฟอร์ติการ์ด แล็บ (FortiGuard Labs) ทีมงานศึกษาและวิจัยภัยคุกคามไซเบอร์ระดับโลก ชี้ให้เห็นว่าในปี 2022 ที่ผ่าน มัลแวร์และแรนซัมแวร์ยังคงเป็นภัยคุกคามหลักที่องค์กรทั้งหลายต้องเตรียมรับมือ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือรูปแบบการโจมตีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่ตัวมัลแวร์และแรนซัมแวร์เท่านั้น แต่วิธีการในการส่งมัลแวร์ไปยังเป้าหมายก็ยังมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทยช่วงไตรมาส 4 ของปี 2022 ทางฟอร์ติการ์ด แล็บ ได้ ตรวจพบว่ามีเหตุการณ์ (Incident) ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากถึง 1.5 ล้านครั้งในทุกวัน หรือประมาณ 132 ล้านครั้งตลอดทั้งไตรมาส ซึ่งคิดเป็น 2.25% การเกิดขึ้นของมัลแวร์ที่ตรวจพบทั่วโลก ในขณะที่กลุ่มบอทเน็ตนั้นมีจำนวนตรวจพบมากกว่า 224 ล้านครั้ง นับเป็น 2.45% ที่ตรวจพบทั่วโลก ที่สำคัญอีกส่วนคือช่องโหว่ที่ถูกตรวจพบทั้งซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่างๆ นั้นพบมากถึง 57,651 ล้านครั้ง คิดเป็น 1.94% จากที่ตรวจพบทั่วโลก โดยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเนื่องและจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

สำหรับความซับซ้อนของการโจมตีที่ต้องรับมือ ประกอบด้วย  1.การโจมตีที่เพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในรูปของแรนซัมแวร์ การละเมิดการทำงานของระบบไอที (IT) และเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน หรือ OT (Operational Technology) ด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI การโจมตีการทำงานของ IoT (Internet of Things) ตลอดจน Crypto-Jacking ภัยคุกคามไซเบอร์รูปแบบใหม่เพื่อการขโมยทรัพยากรคอมพิวเตอร์ รวมทั้ง Deepfake ที่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สร้างสื่อสังเคราะห์เพื่อปลอมแปลงลักษณะบุคคลต่าง ๆ ผ่านสื่อวิดีโอ รวมถึงภาพถ่าย และการบันทึกเสียง โดยใช้ประโยชน์จาก AI ที่ถูกพัฒนาด้วย Deep Learning เป็นต้น   2.ความเสี่ยงที่หลากหลาย ทั้งบนคลาวด์ เน็ตเวิร์ก อุปกรณ์ปลายทาง (End Point) แอปพลิเคชัน การทำงานของ OT และอื่นๆ ที่นำไปสู่การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากเวนเดอร์ต่างๆ กัน 3.ความท้าทายในการแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วน (Network Segmentation)  เนื่องเพราะการปรับตัวของบริษัทต่างๆ ในการทำงานในรูปแบบของไฮบริด ทำให้เกิดความยากลำบากในการแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วนๆ (Segments) เพื่อป้องกันการเชื่อมต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ภัยคุกคามของ OT และซัพพลายเชน – เกิดขึ้นจากการพึ่งพาบริการและเครื่องมือดิจิทัลที่มากขึ้น ทำให้เผชิญกับความเสี่ยงต่างๆ ผ่านทางเวนเดอร์และพันธมิตรที่ใช้บริการ 5.ความซับซ้อนของระบบ IT  ที่มาพร้อมกับจำนวนดีไวซ์ที่มากขึ้น การใช้งานแอปพลิเคชันและบริการในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด ก่อให้เกิดความท้าทายในการจัดการและรักษาความปลอดภัยทั้งหมดโดยรวม และ 6.การมองเห็นที่จำกัด (Limited Visibility) ด้วยปริมาณของดีไวซ์และบริการที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นในพื้นที่ห่างไกล เป็นเรื่องยากสำหรับองค์กรธุรกิจในการเฝ้าระวังและตรวจสอบภัยคุกคามความปลอดภัย

 

ภัคธภา กล่าวว่า ในปีนี้ฟอร์ติเน็ตขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดด้าน OT มากยิ่งขึ้น เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปทางดิจิทัล เพื่อปรับกระบวนการทำงานทั้งในส่วน IT และ OT เข้าด้วยกัน ทำให้องค์กรมีพื้นที่เสี่ยงต่อการโดนโจมตีเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความต้องการการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

จากรายงานของ สถานการณ์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์และเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงานทั่วโลกประจำปี 2022 (Global 2022 State of Operational Technology and Cybersecurity Report) ระบุว่า 88% ของสภาพแวดล้อมด้านระบบควบคุมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยี OT ต่างเคยมีประสบการณ์กับการบุกรุก โดยผลการศึกษาได้ชี้ถึงปัญหาที่ก่อเกิดจากการโจมตี OT ซึ่งรวมถึงการขาดความสามารถในการมองเห็นกิจกรรมด้าน OT แบบรวมศูนย์ ทำให้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

“การบุกรุกความปลอดภัย OT ส่งผลกระทบสำคัญต่อประสิทธิผลขององค์กรและส่งผลถึงกำไร โดยท็อป 3 ของการบุกรุกที่องค์กรในประเทศไทยต้องเผชิญได้แก่ มัลแวร์ แรนซัมแวร์ และแฮกเกอร์ ส่งผลต่อการสูญเสียรายได้ การสูญหายของข้อมูล และยังได้รับผลกระทบในเรื่องของการกำกับดูแล ไปจนถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์อันเป็นผลมาจากการบุกรุกด้านความปลอดภัย ฟอร์ติเน็ตในฐานะผู้นำอันดับ 1 และผู้ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยที่ลูกค้ามั่นใจได้ (Trusted Advisor) พร้อมให้คำปรึกษา และทำงานงานร่วมกับพันธมิตรที่เรามีในการมอบการปกป้องระบบควบคุมอุตสาหกรรม รวมถึงระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลให้กับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ” ภัคธภา กล่าว

แนวคิดของฟอร์ติเน็ตคือการรวมกันของ 1) ระบบเครือข่ายและความปลอดภัย 2) การบูรณาการ Point Products เข้ากับแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบบูรณาการ และ 3) การนำระบบข่าวกรองภัยคุกคามไซเบอร์และบริการด้านความปลอดภัยมาใช้กับทุกภาคส่วนอย่างสม่ำเสมอ และการผสานรวม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการระบบการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพทั้งสำหรับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม  ซึ่งทั้งหมดนี้มีอยู่ใน Fortinet Security Fabric  ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมมีแนวทางที่มีประสิทธิภาพ และไม่เกิดการหยุดชะงัก โดยช่วยให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมทั้ง IT และ OT จะได้รับการปกป้องและดำเนินการภายใต้ข้อกำหนด ซึ่งการผสานรวมการทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการแบ่งปันความรู้เท่าทันเกี่ยวกับภัยคุกคาม ช่วยให้องค์กรด้านอุตสาหกรรมในทุกภาคส่วนสามารถดำเนินการตอบสนองต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ Fortinet Security Fabric จะครอบคลุมเครือข่ายควบรวมทั้ง IT-OT ทั้งหมดเพื่อปิดช่องว่างด้านความปลอดภัย OT โดยให้ความสามารถด้านการมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์อีกทั้งให้การบริหารจัดการที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น

 

ภัคธภา กล่าวว่า ฟอร์ติเน็ตเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างบุคลากรด้านความปลอดภัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ที่จะสามารถมองเหตุถึงปัญหาหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบ อีกทั้งสามารถตรวจสอบ วิเคราะห์ แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นในปีนี้ ฟอร์ติเน็ตจะเพิ่มการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา หน่วยงาน และองค์กรด้านซีเคียวริตี้ของภาครัฐเพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมสร้างมืออาชีพที่มีทักษะและความรอบรู้ด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ อีกทั้งเพื่อช่วยลดช่องว่างด้านทักษะไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (Cybersecurity Skills Gap) อีกด้วย โดยตั้งเป้าฝึกอบรมบุคลากรด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์  1ล้านคนในปี 2026 ขณะนี้ฟอร์ติเน็ตมี Academy Partner 498 แห่งทั่วโลก และให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2030


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save