ปัจจุบัน “ผู้หญิง” ไม่ถูกตีกรอบ หรือจำกัดรูปแบบการทำงานที่ต้องอยู่ในออฟฟิศ หรือในร่มแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะเห็นว่ามี “ผู้หญิงเก่ง” ในหลากหลายวงการที่ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วและเข้มแข็งเทียบเท่า “ผู้ชาย” อย่าง สุภาวดี นามชารี สาวไทยผู้มีอาชีพขับรถบรรทุกในสหรัฐอเมริกา
เช่นเดียวกับ สายวิชาชีพ “วิศวกร” ที่แต่เดิม หลายคนมักมีภาพจำว่าเป็นสายอาชีพสำหรับ “ผู้ชาย” ด้วยกรอบการทำงานที่ต้องลงพื้นที่ทำงานกลางแจ้ง ต้องคุมโครงการก่อสร้างหามรุ่งหามค่ำ อีกทั้งมีตำแหน่งงานรองรับ และความก้าวหน้าทางอาชีพที่มากกว่า แต่ในปัจจุบัน “วิศวกรชาย” และ “วิศวกรหญิง” สามารถทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตในเส้นทางอาชีพได้อย่างเท่าเทียม
หญิงแกร่งแห่งวงการยานยนต์ สร้างแรงบันดาลใจวิศวกรยุคใหม่
รองศาสตราจารย์ พูลพร แสงบางปลา กรรมการจรรยาบรรณ สภาวิศวกร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมวิศวกรยานยนต์ไทย นายกสมาคมวิศวกรหญิงไทยคนแรก ประธานกลุ่มชิ้นส่วนและยานยนต์ ASEAN และหนึ่งในทีมทดลองวิจัยพลังงานทดแทนในเครื่องยนต์ กล่าวถึงบทบาทการทำงานในฐานะวิศวกรหญิงว่า ไม่มีคำว่ายาก หากนำความรู้ที่ได้ศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยตลอด 4 ปี มาประยุกต์ใช้ในโลกของการทำงานได้อย่างเหมาะสม ภายใต้การยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
“ความท้าทายของผู้หญิงในอาชีพวิศวกร สำหรับตัวเอง เริ่มตั้งแต่การตัดสินใจก้าวเข้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปีพ.ศ. 2500 ถือว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในคณะ ทำให้ต้องมีความมานะ อดทน เพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นผู้หญิงสามารถประกอบอาชีพวิศวกรได้ เมื่อเรียนจบการศึกษาก็ได้ทำอาชีพวิศวกรอย่างเต็มตัว เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็ตัดสินใจผันตัวเองสู่การเป็นอาชีพ “เรือจ้าง” โดยเป็นอาจารย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อปลุกปั้นบุคลากรที่มีคุณภาพประดับวงการ” รองศาสตราจารย์ พูลพร กล่าว
จากการทำงานมาตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน โดยผลงานที่ชื่นชอบและภาคภูมิใจให้กับตนเอง คือ การทดลองวิจัยพลังงานทดแทน จึงเป็นคนไทยคนแรกที่วิจัยพลังงานทดแทน อย่าง แก๊สแอลพีจี (LPG) ซีเอ็นจี (CNG) เอทานอล (Ethanol) และไบโอดีเซล (Biodiesel) ทำให้ทุกวันนี้ประเทศไทยใช้พลังงานทดแทนต่าง ๆ ตามงานวิจัยของอาจารย์ รวมทั้งระบบไอเสีย จึงได้รับการขนานนามว่า “หญิงแกร่งแห่งวงการยานยนต์” และยังคงมุ่งมั่นปลุกปั้นบุคลากรวิศวกรไทย เพื่อทำงานช่วยเหลือสังคมและพัฒนาประเทศไทยให้มีความยั่งยืนต่อไป
“สิ่งสำคัญสำหรับวิศวกรรุ่นใหม่ จะต้องเรียนรู้รอบด้าน เพื่อก้าวให้ทันกับยุค Industry 4.0 ไม่เก่งเฉพาะวิชาที่เรียนมาเท่านั้น ต้องศึกษาศาสตร์วิศวกรรม ทั้งวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอุตสาหการ หรือแม้กระทั่งหลักการบริหารงาน การบริหารคน และการบริหารเงิน” รองศาสตราจารย์ พูลพร กล่าว
“วิศวกรหญิงกับบทบาทอาจารย์มหาวิทยาลัย ด้วยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ผลิตวิศวกรรุ่นใหม่
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภมาศ สุชาตานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หรือ TSE (Thammasat School of Engineering) กล่าวถึงจุดเปลี่ยนของการทำงานในสาย “วิศวกรหญิง” สู่เส้นทางการศึกษาว่า เกิดจากความต้องการในการส่งต่อองค์ความรู้ ด้านวิศวกรรมอุตสาหการ ให้เกิดขึ้นในวงกว้างยิ่งขึ้น ผ่านเยาวชนรุ่นใหม่ที่มี Passion ในการเป็น “วิศวกร” นอกเหนือจากการเป็นฟันเฟืองหนึ่ง ในการวางแผนการบริหารจัดการ คำนวณต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ การวางผังโรงงาน การควบคุมกระบวนการผลิต และอื่น ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการยกระดับศักยภาพของโรงงานสายการผลิต ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งความรู้ในสาขาดังกล่าว สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ในหลากมิติ ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง และไม่หยุดเรียนรู้เทคโนโลยีหรืออัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ
แม้การทำงานในอดีต ในฐานะ วิศวกรหญิงประจำโรงงานสายการผลิต จะต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการทำงานในบางประการ อาทิ การลงพื้นที่ทำงานในต่างจังหวัด การประสานและควบคุมการทำงานของช่างเทคนิคในฝ่ายต่าง ๆ ก็ตาม
“โดยส่วนตัวเชื่อว่า “เรื่องเพศ ทั้งเพศหญิง และเพศที่สาม (LGBTQ) มิใช่ข้อจำกัดในการทำงานสายวิศวฯ ในปัจจุบัน เพราะหากคุณสามารถแสดงศักยภาพเป็นที่ประจักษ์ได้ หรือทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี เมื่อนั้นคุณก็จะได้รับการยอมรับอย่างไร้เงื่อนไข” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภมาศ กล่าว
วิศวกรหญิง ผู้หลงใหลงานก่อสร้าง ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับวิศวกรชาย
ชลธิชา ปิยะศิริศิลป์ วิศวกรประมาณราคา บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) (Team Group) ศิษย์เก่าจากสาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงการก้าวสู้เส้นทางอาชีพวิศวกรหญิงว่า ตนเองมองว่าการก่อสร้างเป็นหนึ่งในผลงานที่มีรูปธรรมจับต้องได้ อีกทั้งยังมีความใฝ่ฝันว่า เมื่อมีครอบครัวต้องการถ่ายทอดให้ลูกฟังถึงตึกที่แม่สร้างอย่างภาคภูมิใจ เพราะทุกตึกมีโครงสร้างและดีไซน์แตกต่างกัน ดังนั้น ในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงวางแผนชีวิตและเลือกศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย ในหลักสูตรวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมกับสอบใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม หรือ ใบ ก.ว. กับสภาวิศวกรทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเบิกทางสู่เป้าหมายอาชีพวิศวกรโยธาหญิงเต็มตัว
“กว่าจะก้าวสู่อาชีพวิศวกรโยธาได้สำเร็จนั้น ต้องใช้ความอดทนสูง โดยสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จะมีเพื่อนผู้หญิงที่คณะน้อยมาก อีกทั้งเพื่อนหลาย ๆ คน ยังเลือกหันหลังไปในเส้นทางอาชีพอื่นแทน ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในรูปแบบการทำงานบางประเภทอย่าง ‘การประมาณการก่อสร้าง และการวางแผน’ นั้น ส่วนตัวมองว่า วิศวกรหญิงสามารถทำได้ดีกว่าผู้ชาย ด้วยความที่ผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนที่มากกว่า โดยทุกวันนี้ ยังรู้สึกสนุกกับการออกดูไซด์งานก่อสร้าง และเชื่อมั่นว่า ผู้หญิงก็สามารถทำงานวิศวกรโยธาได้ดีไม่ต่างจากผู้ชาย” ชลธิชา กล่าว
สำหรับความท้าทายโลกของการทำงานในฐานะ “วิศวกรประมาณราคา” (Estimate Engineer) คือ การให้คำปรึกษากับเจ้าของโครงการและผู้ออกแบบอย่างแม่นยำ เพราะหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อาจจะก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งการก่อสร้างผิดแบบหรือก่อสร้างแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
“อยากจะฝากแนวคิดให้กับน้อง ๆ ที่ต้องการเติบโตบนเส้นทางอาชีพวิศวกรว่า ต้องเก็บเกี่ยวความรู้นับตั้งแต่ที่เรียนในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะเมื่อก้าวสู่อาชีพวิศวกรถือว่าอยู่ในระดับหัวหน้างาน ต้องมีภาวะการเป็นผู้นำ ชี้แนะแนวทางการทำงานให้กับโฟร์แมน สำหรับตนเองนั้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นผู้รับเหมาร่วม 5 ปี เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างอย่างแท้จริง” ชลธิชา กล่าว
วิศวกรหญิงรุ่นใหม่ขอเดินตามฝัน มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จในวิชาชีพตามที่ตั้งใจ
ณัชชา คูณอเนกสิน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เล่าว่า จากความสนใจศึกษาต่อด้านวิศวกรรมอุตสาหการ ด้วยมองว่าเป็นหลักสูตรที่มีสาขาน่าเรียนหลายแขนง มีกลุ่มงานรองรับมั่นคงและหลากหลาย ทั้งบริษัทและโรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นหลักสูตรที่ตอบโจทย์โลกการทำงานในปัจจุบันและอนาคต ที่มีเรื่องของเทคโนโลยีมาเกี่ยวพัน ซึ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. มีความเข้มแกร่งด้านวิศวกรรมศาสตร์ มีกิจกรรมที่กระตุ้นการคิด-วิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเน้นสร้างประสบการณ์จากการลงมือทำ มากกว่าการเลคเชอร์ โดยมีอาจารย์ภาคให้คำปรึกษา จึงทำให้ตนได้สัมผัสและคุ้นเคยกับรูปแบบการทำงานจริง ก่อนเดินทางไปฝึกประสบการณ์ ณ มหาวิทยาลัยโตไก ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ตนสามารถนำความรู้จาก สจล. ไปปรับใช้ในการฝึกปฏิบัติที่ห้อง Lab ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ก็ได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน
อย่างไรก็ดี จากประสบการณ์ที่ได้รับจากการเรียนและฝึกงานที่ญี่ปุ่น อีกทั้งพบว่า วิศวกรหญิง มีแนวโน้มการเติบโตและประสบความสำเร็จจำนวนมาก ทั้งในบริษัทเอกชน และโรงงานอุตสาหกรรม จึงทำให้มองเห็นเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และตั้งเป้าตามรอยความสำเร็จเพื่อเป็นหนึ่งในวิศวกรหญิงที่ประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในอาชีพเช่นกัน โดยล่าสุด เตรียมวางแผนศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เพื่อนำความรู้เชิงลึกที่ได้ เข้าไปเติมเต็มและขับเคลื่อนการทำงานในสายวิศวกรรมอุตสาหการ ตามที่ตั้งใจได้อย่างเต็มศักยภาพ
จากข้อมูลล่าสุดของ “สมาชิกวิศวกร” ที่ขึ้นทะเบียนกับ “สภาวิศวกร” (COE) มีจำนวนกว่า 170,000 ราย และมากกว่า 10% เป็นวิศวกรหญิง ครอบคลุมทั้งสิ้น 7 สาขา ได้แก่ วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเหมืองแร่ วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม และวิศวกรรมเคมี โดยผู้สนใจที่จบการศึกษาในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต ใน 7 สาขาดังกล่าว สามารถสมัครเป็นสมาชิกสภาวิศวกร เพื่อสอบ “ใบอนุญาตประกอบอาชีพวิศวกรรมควบคุม” หรือ “ใบ ก.ว.” สู่การรับรองมาตรฐานและศักยภาพการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมได้ที่ สภาวิศวกร ซอยรามคำแหง 39 (เทพลีลา 1)