ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีแบบครบวงจร “VOLVO CERTIFIED DAMAGE REPAIR CENTRE” (VCDR) สาขาหทัยราษฎร์ บริหารงานโดย บริษัท สแกนดิเนเวียน ออโต้ จำกัด เพื่อรองรับลูกค้าของวอลโว่ทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งโซนตะวันออก นับเป็นศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานระดับสากลจากประเทศสวีเดนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ศูนย์บริการ VCDR สาขาหทัยราษฎร์แห่งนี้ ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท ตั้งเป้าคืนทุนภายใน 3 ปี โดยนำหลักการ Lean Concept มาออกแบบกระบวนการทำงาน ผสานกับนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของวอลโว่ และการฝึกอบรมช่างที่มีทักษะ Multi Skill เพียง 6 คน ทำให้ศูนย์แห่งนี้ สามารถลดระยะเวลาในการซ่อมรถขนาดเล็กและขนาดกลางจาก 1-2 สัปดาห์ เหลือเพียง 3-4 วัน รองรับการซ่อมรถเดือนละ 150 คน นับตั้งแต่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ให้บริการซ่อมรถไปแล้ว 2,000 คัน และยังสามารถรองรับจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากขณะนี้ใช้กำลังการผลิตเพียง 60-70%
วางแผนธุรกิจลงทุนสร้างศูนย์ VCDR 50 ล้านบาท คืนทุนภายใน 3 ปี
ถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 85% เป็นลูกค้าของวอลโว่ทั้งหมด ทำให้ทราบว่าทั้งโซนฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกมีจำนวนลูกค้าใกล้เคียงกัน ทางวอลโว่ คาร์ จึงเกิดแนวคิดที่จะแต่งตั้งศูนย์บริการซ่อมที่สามารถรองรับลูกค้าให้สามารถสะดวกในการเข้าใช้บริการทั้งสองฝั่ง ได้แก่ บริษัทนิวตัน บอดี้ แอนด์ เพนท์ จำกัด (ตลิ่งชัน) ดูแลลูกค้าโซนฝั่งตะวันตก และบริษัทสแกนดิเนเวียน ออโต้ จำกัด (สาขาหทัยราษฎร์) ดูแลลูกค้าโซนฝั่งตะวันออก
สำหรับศูนย์บริการ VCDR ของบริษัทสแกนดิเนเวียน ออโต้ จำกัด สาขาหทัยราษฎร์ ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ 30 ล้านบาท ที่เหลืออีก 20 ล้านบาทเป็นค่าที่ดิน เริ่มให้บริการ Full Operation ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยคำนวณไว้ว่าจะต้องมีรถเข้ามาใช้บริการประมาณเดือนละ 150 คัน หรือ วันละ 4 -5 คัน ที่ ปัจจุบันให้บริการซ่อมรถแล้ว 2,000 คัน ซึ่งทำได้ดีกว่า Business Plan จึงคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 3 ปี ขณะที่ศูนย์ Body & Paint ทั่วไป ใช้เวลา 10 ปีขึ้นไปถึงจะคุ้มทุน ด้วยกำลังการผลิตที่วางไว้ ขณะนี้ให้บริการ 60-70% เท่านั้น ยังสามารถรองรับรถได้อีกไม่ต่ำกว่า 3 ปี หากจำนวนรถเพิ่มขึ้น
“การลงทุนของศูนย์บริการ VCDR คำนวณแล้วว่า จะคุ้มทุนภายใน 3 ปี โดยพิจารณาจากตัวเลขรถที่ทำประกันภัย และสัดส่วนในการเคลมประกัน ทำให้เรารู้ข้อมูลว่าในแต่ละเดือนมีรถเข้ามาซ่อมเท่าใด และจากข้อมูลที่มีอยู่ ยังสามารถเช็คได้ว่า ภายใน 3-5 ปี จะมีรถเข้ามาใช้บริการอีกเท่าใด ทำให้เห็นภาพ และไม่ต้องลงทุนมากเกินความจำเป็น เรายังออกแบบ Facility Hardware ออกมาเป็น Process ต่างๆ มิฉะนั้นจะดึงค่าใช้จ่ายลงไม่ได้ โดยทั่วไป 10 ปี แต่เราต้องการคุ้มทุนภายใน 3 ปี” ถนอมศักดิ์ กล่าว
นำหลักการ Lean Concept ในโรงงานมาออกแบบการทำงานภายในศูนย์ VCDR
ศูนย์บริการ VCDR ใช้หลักการ Lean Concept คล้ายการผลิตในโรงงาน เพื่อวาง Lay out กระบวนการทำงาน โดยทางบริษัทแม่ที่สวีเดนช่วยออกแบบและวางคอนเซ็ปต์ว่าเมื่อรถเข้าแล้วจะต้องออกทันที ด้วยกระบวนการที่เราวางแผนไว้ทั้งหมด ใช้เวลาซ่อมรถขนาดเล็กและขนาดกลาง 3-4 วันเสร็จ ยกเว้นกรณีซ่อมหนัก หรือรถบี้มาทั้งคัน ขณะวิธีการเก่าใช้เวลา 1-2 สัปดาห์
“เราออกแบบถึงขนาดที่ว่ารถเข้าทางนี้ Station จะต้องวิ่งยังไง แล้ว Flow ของรถจะ Smooth มาก คือ งานซ่อมสีจะไม่เหมือนโรงงานผลิต 100% เพราะรถมาบางคันอาจจะไม่ต้องซ่อมสี บางคนอาจซ่อมแค่ตัวถัง เป็นต้น เพราะฉะนั้นการ วาง Lay out สำคัญมาก มิฉะนั้นจะดึงประสิทธิภาพในการทำงานไม่ได้ ทำให้เราต่างจาก Workshop ทั่วไป” ถนอมศักดิ์ กล่าว
ใช้ช่างเพียง 6 คน ซ่อมรถ 100 คัน
ถ้าเปรียบเทียบอู่สีทั่วไปในสเกลระดับซ่อมรถ 100 คัน จะต้องมีพนักงานใน Production Floor ใน Workshop ไม่ต่ำกว่า 20-30 คน แต่ที่ศูนย์บริการ VCDR มีช่างในกระบวนการซ่อมเพียง 6 คน ไม่รวมพนักงานล้างรถ โดยมีโค้ช 1 คน เป็นหัวหน้าคอยกำกับ ทำงานบนพื้นที่ 600 ตรม. สำหรับช่างทั้ง 6 คน จะต้องมีพื้นฐานด้านรถยนต์และงานซ่อม โดยพยายามคัดคนที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์ เพื่อต่อยอดและเรียนรู้เทคโนโลยี เพื่อเติมเต็มในการทำงาน มีการส่งไปฝึกอบรม 6 เดือน พอฝึกอบรมเสร็จจะได้รับใบ Certified
การทำงานของช่างทั้ง General Base และ Body &Paint จะเน้น Multi Skill โดยคนหนึ่งจะต้องทำงานได้หลายหน้าที่ ยกตัวอย่าง อาจจะเชี่ยวชาญทางด้านเคาะตัวถัง แต่ช่วยโป๊วสีได้ หรือโยกการทำงานได้ทั้ง 6 คน เมื่อช่างมี Multi Skill ผสานกับเครื่องมือและอุปกรณ์ทันสมัย ช่วยให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น
“ในช่วงเช้าช่างจะประชุมว่าต้องทำอะไรบ้าง และจะต้องรู้ว่าทำอะไรบ้าง เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า เวลาทำงานเขารู้ว่าควรจะระวังเรื่องใดบ้าง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า หากติดขัดส่วนใด จะมีวิศวกรคอยช่วยเหลือ และใหคำแนะนำบนหน้าจอคอมพิวเตอร์” ถนอมศักดิ์ กล่าว
นวัตกรรมในศูนย์บริการ VCDR ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม – ช่างทำงานอย่างปลอดภัย
ศูนย์บริการ VCDR ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและขั้นตอนการทำงานที่เหมาะสม เพื่อผลงานที่มีคุณภาพ และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานให้ได้มากที่สุด เช่น การใช้เทคโนโลยีสีสูตรน้ำ (Water Based Paint) ซึ่งเป็นมาตรฐานของวอลโว่ เพื่อลดปริมาณสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน มีการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองขนาดเล็กออกสู่ชั้นบรรยากาศ ผ่านการติดตั้งระบบระบายอากาศแรงดันต่ำแบบเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน
ภายในห้องพ่นสีติดตั้งแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น เพื่อกรองและดักอนุภาคขนาดเล็กของฝุ่นและกลิ่นของสีไม่ให้ปนเปื้อนกับอากาศภายนอก และยังสามารถนำอากาศที่ผ่านการกรองแล้วกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า และมีการใช้เทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายรถด้วยระบบรางมาตรฐาน ในทุก ๆ การกระบวนการซ่อมสี โดยไม่ใช้เครื่องยนต์ในศูนย์บริการ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ (CO2) ออกสู่ชั้นบรรยากาศ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในสถานที่ทำงาน
นอกจากนี้ ทางสวีเดนวางระบบซอฟต์แวร์ให้เรา อย่างเช่น รถชนด้านหน้า จะสามารถ Simulate ออกมาได้ว่า การชนด้านหน้าซ้ายมีความเป็นไปได้ว่าชิ้นส่วนใดเสียหายบ้าง สามารถรู้ว่าเป็นชิ้นส่วนใด ราคาเท่าไหร่ ซึ่งจะมีเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินราคา โดยมีทีม Estimate เข้าไปประเมินราคาจะรู้ว่างานเบาเท่านี้ ถ้างานปานกลางทะลุเข้าไปถึงเฟรมมีการถอดออกมา คอมพิวเตอร์จะบอกว่าเป็นชิ้นส่วนใด ราคาเท่าไหร่ ซึ่งทำให้ทุกอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก ตั้งแต่คำนวณราคา ถ้าเราประเมินราคาถูกต้อง โอกาสที่จะวางแผน Workshop และทำงานซ้ำจะน้อย
ทำงานร่วมกับ Global Partner จากสวีเดนนำนวัตกรรมสุดล้ำมาใช้ในศูนย์ VCDR
ถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ศูนย์บริการ VCDR ทำงานร่วมกับ Global Partner หลายราย เริ่มจาก Car-o-Liner เป็นบริษัทสวีเดน ซึ่งสร้างเครื่องยนต์ตัวถัง และซ่อมตัวถัง โดยมีแท่นยกรถ เข้าไปจับตัวถังตรงจุด Reference แล้วสามารถบอกได้พิกัดค่ามิติตัวรถในตำแหน่งต่างๆ ของตัวรถได้ ทำให้เรากล้าที่จะเคลมว่าชนมาหนักขนาดไหน ซ่อมไปในสภาพเหมือนเดิม เนื่องจากเราทราบค่ามิติในตำแหน่งต่างๆ ของตัวรถ
อีกหนึ่งบริษัทสัญชาติสวีเดนเช่นกัน PIVAB ซึ่งจะรับผิดชอบเรื่อง Facility สถานที่ทำงานให้เรา ยกตัวอย่างเช่น ในห้องเก็บชุดสี มีการใช้หลอดไฟที่มีการยิง Spectrum เพื่อสะท้อนสีให้เป็นสีของจริงมากที่สุด หากใช้หลอดธรรมดา เวลามองจะเพี้ยน จะสังเกตได้ว่า ถ้าใช้หลอดไฟธรรมดา เวลาพ่นสีในร่ม หลังจากพ่นสีเสร็จแล้วจะต้องนำรถออกไปจอดกลางแดดเพื่อดูแสงธรรมชาติ
ให้บริการซ่อมรถวอลโว่ทุกรุ่น รวมทั้ง EV เตรียมความพร้อมซ่อมรถ EV รับเทรนด์อนาคต
ปัจจุบันศูนย์บริการ VCDR ให้บริการซ่อมรถวอลโว่ทุกรุ่น รวมทั้งรถไฟฟ้า (EV) ด้วย เพราะก่อนที่ Set up ศูนย์ฯ ได้พิจารณาถึง รถ EV เนื่องจากเทรนด์ของ รถ EV มาแน่นอน ดังนั้นทางศูนย์ฯ จึงเตรียมความพร้อมในเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับรถ EV โดยเฉพาะ ขณะนี้มีรถ EV เข้ามาซ่อมบ้าง มีเคสชนหนัก 1 ราย นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมซ่อมได้ทุกอย่าง ทั้งตัวถังยุบ ห้องโดยสาร แบตเตอรี่ แต่ยังไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ที่ศูนย์ฯ นี้ จะมีช่าง 1 ใน 6 คน ฝึกอบรมเกี่ยวกับตัวถังและสี เพื่อ Certify ให้ทำงานเกี่ยวกับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยผู้จัดการด้านฝึกอบรมจะต้องมา Certify ก่อนว่าขั้นตอนในการทำงานมีความปลอดภัยและมีความเข้าใจ 100% เพราะฉะนั้นรถไฟฟ้ามา อันดับแรกจะต้องทำอะไรตามขั้นตอน หนึ่ง สอง และสาม เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อลูกค้า รถ และตัวพนักงานที่ซ่อม
ถนอมศักดิ์ กล่าว
ในส่วนของเครื่องมือที่ใช้สำหรับรถ EV จะเป็น Unique ของรถ EV แต่ละรุ่น ซึ่งจะมีเครื่องมือพิเศษเฉพาะ โดยศูนย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ไม่ต่ำกว่า 1 ปี เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการ กรณีห้องพ่นสี และอบสี จะต้องควบคุมอุณหภูมิในจุดที่สมดุลเพื่อไม่ให้กระทบต่อแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่รถ EV อ่อนไหวต่อความร้อนสูง
วอลโว่ คาร์ มี Pilot Project เตรียมให้บริการ Mobile Service สำหรับ EV
ถนอมศักดิ์ กล่าวว่า วอลโว่ คาร์ได้วางแผนตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่จะให้บริการ Mobile Service สำหรับรถ EV เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในจุดที่ไม่มีศูนย์บริการหรือไกลจากศูนย์บริการ เนื่องจากรถ EV มี Service Content ไม่มาก โดยเฉลี่ย รถ EV 1 คันใช้เวลาซ่อม 30 นาทีเสร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม หากเป็นการซ่อมตัวถัง ซึ่งต้องใช้สถานที่ก็จะต้องเข้ารับบริการที่ศูนย์ซ่อม โดยวอลโว่ คาร์ จะมี Pilot Project นำร่อง เพื่อเช็คความพร้อมหลายๆ อย่าง และเพื่อมั่นใจว่าธุรกิจนี้จะสร้างผลกำไรให้แก่ผู้ลงทุน