ZTE จับมือ 2 พันธมิตรผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ เปิดตัว 5 สมาร์ทโฟนใหม่ รองรับตลาดผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟน – ตลาดระดับกลาง


แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลก ด้านโซลูชันการสื่อสารและข้อมูลแบบบูรณาการ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมแก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม รัฐบาล และลูกค้าองค์กรในกว่า 160 ประเทศ จับมือ บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด (VST ECS) และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (YAS) จากกลุ่ม เบญจจินดา ร่วมเปิดตัว 5 สมาร์ทโฟนใหม่  ประกอบด้วย ZTE Blade A31Plus, ZTE Blade A51, ZTE Blade V30 Vita, Axon 30 5G และ Redmagic 7   รองรับตลาดผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนและตลาดระดับกลาง ตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 2% ในปี พ.ศ.2565 และจะเพิ่มเป็น 5% ภายใน 3 ปีจากนี้   พร้อมร่วมกันกระจายสมาร์ทโฟน ZTE ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ

มร.ชอว์น เผย์ ผู้จัดการทั่วไป โทรศัพท์มือถือประจำประเทศไทย แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE)  กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจและ ZTE ให้ความสำคัญกับการเข้ามาเปิดตลาดในครั้งนี้ อีกทั้งสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน ทั้งใช้ทำงาน ใช้สั่งซื้อของและอื่นๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีเพิ่มมากขึ้น สะท้อนได้ชัดเจนจากจำนวนผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 15% ทุกปี และสัดส่วนผู้ใช้งานซื้อของออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือมีมากถึง 70% ประกอบกับการที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยต่างจัดแคมเปญส่งเสริมการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคสนใจใช้บริการบนเครือข่าย 5G จึงทำให้สมาร์ทโฟน 5G คุณภาพดี ในราคาที่เอื้อมถึงง่ายเป็นที่ต้องการในขณะนี้ ทั้งกลุ่มผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนก็เป็นเซ็กเมนต์ที่ยังมีความต้องการอยู่มาก เนื่องจากสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีอยู่ในตลาดยังขาดผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ

ในปี พ.ศ.2565 บริษัทฯ จึงผนึกกำลังกับแบรนด์สมาร์ทโฟนของบริษัทในเครือ ทั้ง ZTE นูเบีย (Nubia) และ Redmagic รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอีโตซิสเต็มของ ZTE เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลายอีกด้วย เบื้องต้นในได้มีการเปิดตัวทั้งหมด 5 รุ่น ประกอบด้วย ZTE Blade A31plus, ZTE Blade A51, ZTE Blade V30 Vita, Axon 30 5G และ Redmagic 7 ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,599 บาทเพื่อรองรับตลาดผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนและตลาดระดับกลาง และเตรียมทยอยเปิดอีก 2-3 รุ่นในช่วงที่เหลือของปี พ.ศ.2565 นี้ รวมทั้งได้การทำตลาดร่วมกับโอเปอเรเตอร์ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ 2 บริษัทในประเทศไทย คือ วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด (VST ECS) และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (YAS) จากกลุ่ม เบญจจินดา ร่วมกันกระจายสมาร์ทโฟน ZTE ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 2% ในปี พ.ศ.2565 และจะเพิ่มเป็น 5% ภายใน 3 ปีจากนี้

สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯดำเนินธุรกิจเป็น “ดิสทริบิวเตอร์” สินค้าและโซลูชันไอทีชั้นนำของไทยมายาวนานกว่า 30 ปี โดยหนึ่งในสินค้าที่บริษัทฯโฟกัส คือ กลุ่มโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ให้ความคุ้มค่าสูง ในส่วนของการจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้กับ ZTE นั้นทางบริษัทฯ จะดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันตก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยจัดจำหน่ายผ่านทั้งช่องทางหน้าร้านดีลเลอร์และช่องทางออนไลน์ในพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทฯ มีดีลเลอร์ที่เป็นพันธมิตรในพื้นที่รับผิดชอบกว่า 7,000 ราย 

กลยุทธ์ของบริษัทฯ คือให้ความสำคัญกับการสร้างทีมงานที่เชี่ยวชาญ เพื่อให้โฟกัสการเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ รวมถึงสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้า และพยายามพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยนั้นมองว่ายังมีโอกาสและช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอีกมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มใช้สมาร์ทโฟนและกลุ่มผู้บริโภคขนาดกลางในราคาที่จับต้องได้และสามารถรองรับการใช้งานได้จริงทั้งทำงานที่บ้าน ทำงานที่ทำงาน ติดต่อธุรกิจและอื่นๆ ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใหญ่มาก หากทำการตลาดเข้าถึงให้ครอบคลุมและต่อเนื่องจะทำให้สร้างรายได้เข้าบริษัทฯและสร้างรายได้ให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจให้เพิ่มขึ้นอีกด้วยเช่นกัน

ปภาพรต ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (YAS) ในกลุ่มเบญจจินดา กล่าวว่า YAS ดำเนินธุรกิจเป็น “ดิสทริบิวเตอร์” กลุ่มโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน เป็นผู้จัดจำหน่ายที่มีประสบการณ์ยาวนานและครอบคลุมทุกช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศ  มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่สอดคล้องกับการบุกตลาดของ ZTE ในประเทศไทย โดย YAS ได้รับการแต่งตั้งให้จัดจำหน่ายและจัดส่งสมาร์ทโฟนให้กับ ZTE ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รับผิดชอบทั้งการจัดจำหน่ายให้กับหน้าร้านขายโทรศัพท์มือถือและช่องทางออนไลน์ในพื้นที่ดังกล่าว รวมจำนวนพันธมิตรช่องทางจัดจำหน่ายในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 3,500 ราย  

ด้วยความพร้อมของระบบการจัดการที่ได้มาตราฐานและทันสมัย ตลอดจนทีมงานที่มีคุณภาพและประสบการณ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรในพื้นที่ ประกอบกับตลาดยังขาดสมาร์ทโฟนคุณภาพสูงที่รองรับ 5G ในประเทศไทยในราคาเริ่มต้นที่ไม่สูงมากนักสำหรับผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟน จึงเชื่อมั่นว่าจะสมาร์ทโฟนจาก ZTE จะได้รับการตอบรับจากตลาดผู้บริโภคที่ดีอย่างแน่นอน

สำหรับ 5 สมาร์ทโฟน ZTE ที่เปิดตัวในไทยทั้ง 5 รุ่น  ประกอบด้วย

1.ZTE Blade A31 Plus มาพร้อมจอใหญ่ขนาด 6 นิ้ว กล้องหลัก 8MP AI พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 3000mAh สามารถเปลี่ยนได้ รองรับการชาร์จ 10W รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT หน่วยความจำภายใน RAM 2GB ROM 32 GB และความจุสูงสุดของการ์ดหน่วยความจําภายนอก 128 GB จำหน่ายในราคา 2,599 บาท

2.ZTE Blade A51 จอใหญ่ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 13MP + 2MP พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 3200mAh แบตเตอรี่เปลี่ยนไม่ได้ รองรับการชาร์จ 10W รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT หน่วยความจำภายใน Ram 3GB ROM 64 GB ความจุสูงสุดของการ์ดหน่วยความจำภายนอก 512 GB จำหน่ายในราคา 3,699 บาท

3.ZTE Blade v30vita มาพร้อมจอใหญ่ขนาด 6.75 นิ้ว 90Hz ความละเอียด HD+ จอหยดน้ำ กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 48MP + 2MP AI พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 8MP แบตเตอรี่ 6000 mAh แบตเตอรี่เปลี่ยนไม่ได้รองรับการชาร์จ 22.5W ชาร์จไว รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT รุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 4GB RAM 64 GB ราคา 4,999 บาท และรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 4GB RAM 128 GB จำหน่ายในราคา 5,299 บาท

4.Axon 30 5G จอใหญ่ขนาด 6.92 นิ้ว FHD+ AMOLED ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon 870 ระบบปฏิบัติการ ZTE MyOS11 บน Android 11 กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64MP + 8 MP + 5MP + 2MP พร้อมแฟลช กล้องหน้า 16MP แบตเตอรี่ 4200 mAh รองรับการชาร์จไว 55W 2 ซิม (Nano SIM) 5G ซึ่งคาดว่าจะนำมาจำหน่าย 2 รุ่นคือ รุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 8GB RAM 128 GB และรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 12GB RAM 256 GB จำหน่ายในราคาประมาณ 12,990 บาท และ 17,990 บาท ตามลำดับ

5.Redmagic 7 จอใหญ่ขนาด 6.8 นิ้ว  มีความเร็วในการเปลี่ยนภาพของหน้าจอถึง 165Hz พร้อมความเร็วในการตอบสนองต่อการกดของหน้าจอที่ 720 Hz ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon 8 Gen 1 และมีระบบระบายความร้อนตัวเครื่อง แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 65W 2 ซิม (Nano SIM)   เหมาะสำหรับสายเกมเมอร์ มี 3 รุ่น คือ รุ่น SUPERNOVA หน่วยความจำภายใน ROM 18GB RAM 256GB รุ่น PULSAR  หน่วยความจำภายใน ROM 16GB RAM 256GB และรุ่น OBSIDIAN หน่วยความจำภายใน ROM 12GB RAM 128GB จำหน่ายในราคาประมาณ 31,990 บาท 28,990 บาท และ 24,990 บาท ตามลำดับ


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save