ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำ “นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth” ทดสอบห่อทุเรียนที่สวนสไตล์ช๊าลฮิ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ภายใต้ โครงการการขยายผลนวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวนทุเรียน เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพที่ดี เกรดพรีเมียมขายได้ราคาสูง เปลือกบางเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และลดการนำเข้าถุงปลูกชนิดนอนวูฟเวนจากต่างประเทศ
ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ นักวิจัยทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า เอ็มเทค ได้คิดค้นถุงปลูกเพื่อการเกษตรที่สามารถระบายน้ำระบายอากาศได้เพื่อช่วยในเรื่องผลผลิตผลไม้ และได้พัฒนาต่อยอดถุงปลูกมาเป็นถุงห่อเพื่อใช้ป้องกันแมลงและลดการใช้สารเคมี โดยเริ่มจากมะม่วงน้ำดอกไม้ เมื่อห่อแล้วพบว่าวิตามินซีของมะม่วงน้ำดอกไม้เพิ่มขึ้นมากกว่ามะม่วงที่ไม่ได้ห่อด้วยถุงและถ้ายิ่งเป็นถุง Magik Growth จะยิ่งมีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้นอีก และเมื่อทดลองกับมะม่วงน้ำดอกไม้ได้ผลที่ดีทางทีมวิจัยเริ่มคิดที่จะนำมาใช้ในการห่อทุเรียน เนื่องจากเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่มีราคาสูง ตลาดมีความต้องการมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และเกษตรกรมีความต้องการงานวิจัยมราเป็นนวัตกรรมเข้าไปช่วยเหลือในการห่อทุเรียนเพื่อป้องกันแมลงในช่วงระหว่างที่รอผลผลิตโตเต็มที่ก่อนตัดจำหน่ายดีกว่าให้เกษตรกรใช้สารเคมีฆ่าแมลงแล้วส่งผลต่อผลผลิตส่งจำหน่ายยังต่างประเทศหรือตลาดในประเทศแล้วได้ราคาน้อยลงกว่าต้นทุน จึงได้นำองค์ความรู้เรื่องวัสดุศาสตร์โดยพัฒนาสูตรผสม สูตรโพลิเมอร์คอมพาวด์ จากการเลือกใช้ชนิดของโพลิเมอร์ และสารเติมแต่ง และดัดแปรเนื้อวัสดุให้มีสมบัติพิเศษต่างๆ ได้แก่ มีโครงสร้าง 3 มิติในลักษณะที่เส้นใยสานกันไปมา ทำให้มีรูพรุนและความหนาที่ถ่ายเทน้ำและอากาศ ป้องกันความร้อนรวมทั้งแสงผ่านมากน้อยได้ดี ถุงห่อมีความแข็งแรงพอที่จะนำกลับมาใช้งานซ้ำได้ คัดเลือกช่วงแสงที่พืชต้องการและสามารถออกแบบให้มีลักษณะตามการใช้งานได้ ซึ่งกระบวนการผลิตต่างๆนั้นสามารถใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่อุตสาหกรรมไทยมีอยู่แล้วร่วมกับเทคโนโลยีการขึ้นรูปนอนวูฟเวนได้แล้วนำไปทดลองใช้จริง
โดยร่วมกับผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในนำถุง Magik Growth ไปทดลองห่อทุเรียนจริงที่สวนสไตล์ช๊าลฮิ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พบว่านอกจากถุงห่อทุเรียน Magik Growth มีประสิทธิภาพที่ดีแล้วยังสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ถึง 3 ฤดูกาลผลิต ช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงศัตรูพืช
นอกจากนี้ยังนำไปพัฒนาต่อยอดทดลองห่อผลไม้และผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆเพิ่มเติม เช่น อินทผาลัม องุ่นและส้มโอ เป็นต้น เบื้องต้นราคาขายปลีกของถุงห่อ Magik Growth อยู่ที่ประมาณใบละ 30-35 บาท มีอายุการใช้งานต่อใบ 3 ปี ซึ่งขณะนี้ทาง เนคเทคกำลังถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตถุงห่อ Magik Growth เพื่อเตรียมวางตลาดและจัดจำหน่ายได้ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.2564 นี้ในท้องตลาด คาดว่าจะช่วยลดการนำเข้าถุงห่อ Magik Growth จากต่างประเทศได้
ผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ทีมวิจัย สจล. ซึ่งมีส่วนในการทดสอบให้กับทีมวิจัยเอ็มเทค สวทช. ภายใต้ โครงการการขยายผลนวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวนทุเรียน ต่อยอดจากการทำวิจัยงานมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองมาก่อน ซึ่งพบว่าถุงห่อ Magik Growth สีน้ำเงินกับสีม่วงเมื่อนำไปห่อมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองแล้วให้ผลผลิตที่มีคุณภาพที่ดี เนื้อแน่น จึงได้ร่วมกับทางเนคเทคในการที่จะนำถุงห่อ Magik Growth ไปห่อในผลไม้อื่นๆเบื้องต้นเลือกทุเรียนเพราะช่วงที่ผ่านมาทุเรียนราคาดี แต่ผลผลิตออกน้อย มีโรคแมลง เพลี้ยแป้งและหนอนเจาะผลรบกวนมาก ต้องใช้สารเคมีกำจัดทำให้เกิดสารตกค้างในผลผลิต ตลาดไม่ยอมรับโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดระยอง จึงได้ทดลองนำถุงห่อ Magik Growth จำนวน 4 สี ประกอบด้วย สีน้ำเงิน ขาว ดำ และแดง มาทดสอบห่อทุเรียนที่สวนสไตล์ช๊าลฮิ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อฤดูกาลปีพ.ศ.2563-2564 เนื่องจากที่สวนนี้ได้มีการห่อขนุนด้วยถุงตาข่ายป้องกันแลงและศัตรูพืชอื่นๆเจาะผลขุนมาก่อน จึงมีความคิดว่าการนำถุงห่อ Magik Growth มาทดลองห่อทุเรียนอาจจะมีโอกาสประสบความสำเร็จช่วยเกษตรกรลดการสูญเสียจากการถูกแมลงเทาะกัดทำลายผลผลิตในอนาคตได้
แม้ในช่วงแรกเกษตรกรจะยุ่งยากในการที่ต้องห่อผลทุเรียนแต่เมื่อใช้ไปเกิดความเคยชินและผลที่ได้ป้องกันแมลงได้ดีจึงใช้มาตลอด นอกจากนี้ทำการห่อเปรียบเทียบกับทุเรียนที่ไม่ได้ห่อ และทุเรียนที่ห่อด้วยถุงตาข่ายทางการเกษตรซึ่งเกษตรกรใช้อยู่เดิม เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถุงห่อ Magik Growth โดยเก็บข้อมูลทั้งความชื้น อุณหภูมิตลอดช่วงการห่อ ผลจากทดสอบต่อเนื่อง 3 ฤดูกาลผลิต พบว่าถุงห่อทุเรียน Magik Growth สีแดง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจที่จะนำมาใช้ห่อทุเรียนแทนการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งหนามทุเรียนจะสวยสดเห็นร่องพูทุเรียนชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มขนาดผลทุเรียนตลอดจนมีปริมาณเนื้อของทุเรียนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลจากการทดสอบปีพ.ศ. 2564 น้ำหนักผลทุเรียนสดที่ไม่ห่อผล มีน้ำหนักเฉลี่ย 3.56 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับการห่อผลด้วยถุง Magik Growth น้ำหนักเฉลี่ย 4.05 กิโลกรัม ความหนาเปลือกทุเรียน พบว่าผลที่ไม่ห่อเปลือกหนา 1.36 เซนติเมตร ส่วนผลที่ห่อด้วยถุง Magik Growth เปลือกหนาเพียง 1.01 เซนติเมตร และเมื่อวัดสัดส่วนน้ำหนักเปลือก น้ำหนักเนื้อ และน้ำหนักเมล็ด จะได้น้ำหนักในพูทุเรียน เปรียบเทียบการไม่ห่อผลได้น้ำหนัก 290 กรัม กับการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ได้น้ำหนักสูงถึง 379 กรัม และเมื่อนำมาเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องพบว่า ผลทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีการสุกช้ากว่าผลที่ไม่ได้ห่อประมาณ 2 วัน จากนี้จะมีการทำการห่อและมีการทดลอง รวมทั้งเก็บข้อมูลการห่อที่ระยะเวลา 60 วันหลังจากที่ดอกแรกเริ่มบาน เปรียบเทียบระยะเวลา 70 วันหลังจากที่ดอกแรกเริ่มบานว่าการห่อต่อไปจนถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่ 130 หรือ 135 วัน ช่วงเวลาใดที่เหมาะสมเพื่อให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติจริงในฤดูกาลต่อไปเพื่อช่วยให้ผลผลิตของเกษตรกรมีอัตราสัดส่วนของเนื้อทุเรียน สีของเนื้อทุเรียน ความหวานของเนื้อทุเรียนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีเปลือกบางกว่าปกติ ยกเว้นถุงห่อสีดำความหวานจะน้อยกว่าสีถุงห่อสีอื่นๆแต่ถุงสีดำจะได้ผิวของหนามทุเรียนภายนอกใสสวยขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นด้วย
“การนำถุงห่อทุเรียน Magik Growth ไปห่อที่สวนแต่ละสวนนั้น ไม่ใช่ว่าทุกสวนจะทำได้ เกษตรกรต้องมีความมุ่งมั่น พร้อมปรับการเปลี่ยนแปลง ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิตจะช้ากว่าการทำสวนทุเรียนแบบปกติ แต่จะได้ทุเรียนที่เกรดดี ผลผลิตพรีเมียมเป็นที่ต้องการของตลอด ไม่แพ้เกษตรกรในต่างประเทศแน่นอน” ผศ.ดร. ลำแพน กล่าว
นวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียนสไตล์ช๊าลฮิ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง กล่าวว่า หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็นพนักงานเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หลังจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีพ.ศ. 2554 จึงได้กลับบ้านแล้วมาเริ่มเป็นชาวสวนทุเรียนมือใหม่ประกอบอาชีพเกษตรกรทำสวนยางพาราและทำสวนผลไม้เริ่มจากขนุนและทุเรียน ช่วงแรกแรกก็ไม่คุ้นชิน แต่อาศัยที่ตอนเด็กๆเห็นที่บ้านทำการเกษตรจึงได้พยายามเรียนรู้และพัฒนาวิธีการปลูกใหม่ๆเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต ลดการสูญเสียผลผลิตจากแมลงและอื่นๆ จึงได้เริ่มนำถุงมาห่อผลผลิตขนุนและทุเรียนทุกครั้งด้วยถุงหลายๆแบบทดลองถูกผิดใช้ตาข่ายสีเขียวๆห่อ 1 ผลต่อ 1 ถุงตาข่ายก่อน เพื่อทดลองดูผลขนุนและทุเรียน ในการหาทางป้องกันแมลงและศัตรูผลผลิตถูกทำลาย รวมทั้งฝนตกน้ำตกค้างในถุงห่อทำลายผลผลิตผลไม้ ต่อมามีการเริ่มหันมาปลูกทุเรียนแปลงใหม่ที่เริ่มให้ผลผลิตเพราะราคาดีและในพื้นที่เกษตรกรปลูกกันมากขึ้น โดย เริ่มปลูกประมาณ 358 ต้น แยกเป็น 2 แปลงปลูก แปลงหนึ่งจะมีต้นทุเรียน 150 ต้น ต้นทุเรียนสูงประมาณ 6 เมตร ปลูกทุเรียนแบบกอ คือ 1 โคก มีทุเรียน 3 ต้นเพื่อช่วยในเรื่องของการค้ำยันลำต้นไม่ให้ล้มง่าย ลดปริมาณการไว้ผลต่อต้นลง ทำให้ต้นไม่โทรมหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต อีกแปลงปลูกเป็นแปลงต้นคู่ มีต้นทุเรียน 208 ต้น ต้นทุเรียนสูง 4 เมตร และได้ผลผลิตครั้งแรกใน 5 ปีถัดมา ซึ่งจากประสบการณ์ทำสวนทุเรียนเกือบ 10 ปีทำให้เห็นว่าทุเรียนเป็นพืชที่ต้องอาศัยความใส่ใจดูแลทุกขั้นตอน จึงมีความตั้งใจที่จะลดใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงจากปัญหาโรคและแมลง โดยเฉพาะทุเรียนระยะพัฒนาผล อายุระหว่าง 65-70 วัน ผลทุเรียนมีขนาดเท่าขวดน้ำอัดลมขนาด 1.5 ลิตร ซึ่งเป็นระยะที่ผลมีการสะสมแป้งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อผลสุก อายุประมาณ 110-120 วัน โดยระยะพัฒนาผลนี้มักจะถูกหนอนเจาะผลทุเรียน หรือ หนอนรัง เพลี้ยแป้ง และราดำเข้าทำลาย ทำให้ผลทุเรียนเล็กแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต คุณภาพของผลทุเรียนไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ทราบผลทดสอบการใช้นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth จากทีมนักวิจัย เอ็มเทค สวทช. และอาจารย์จาก สจล. ผลปรากฏว่าถุงห่อทุเรียน Magik Growth สามารถช่วยตอบโจทย์การห่อผลทุเรียนดีกว่าการห่อด้วยถุงตาข่ายสีเขียวเมื่อเก็บผลผลิตง่าย ช่วยลดสารเคมี ป้องกันหนอนเจาะผลทุเรียน และเพลี้ยแป้ง ราดำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ผิวผลทุเรียนสวย ผลได้น้ำหนักดีและมีปริมาณเนื้อทุเรียนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในฤดูกาลนี้อยู่ในช่วงทดลองนำถุงห่อ Magik Growth มาใช้ห่อทุเรียนในแปลงเปรียบเทียบกับถุงตาข่ายส่งตัดแล้วนำไปตรวจในห้อง Lab ของ เอ็มเทคทุกๆ 15 วันต่อเนื่อง
ส่วนในช่วงฤดูกาลหน้าจะทำการห่อทุเรียนด้วย Magik Growth ทั้งสวนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของถุงห่อ ถุงหนึ่งเฉลี่ยใช้ได้ 3-5 ปี
นวลนภา กล่าวว่า สำหรับผลผลิตทุเรียนในปีพ.ศ.2563 ที่ผ่านมาได้ผลผลิตรวม 5 ตัน ราคาจำหน่ายผลผลิตทุเรียนในสวนตั้งราคาไว้ที่ 189 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่ว่าจะห่อด้วยถุงชนิดใดจะไม่เพิ่มราคาจำหน่ายอีกแล้วเพื่อสร้างมาตรฐานราคาให้กลุ่มลูกค้าประจำที่สั่งซื้อทุเรียนของสวนมาตลอด ส่วนลูกค้ารายใหม่ๆทางสวนยินดีเปิดรับสั่งซื้อเช่นกัน อยากให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพของผลผลิตทุเรียนของสวนว่ามีคุณภาพที่ดี ถ้าผลผลิตทุเรียนมีปัญหาทางสวนรับประกันส่งทุเรียนลูกใหม่หรือคืนเงินให้ลูกค้าทันที