กรุงเทพฯ – 7 มิถุนายน 2564 : วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก พร้อมด้วย เคเชอร์ (Ksher) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการบริการด้านการบริการชำระเงินดิจิทัล ประกาศความร่วมมือสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์สามารถรับชำระเงินผ่านวีซ่าได้สะดวกยิ่งขึ้น รองรับความต้องการในตลาดอีคอมเมิร์ซที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ เคเชอร์ มุ่งหวังที่จะให้ผู้ประกอบกิจการทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ตลอดจนผู้ค้ารายบุคคล กว่า 10,000 ราย สามารถเข้าถึงการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลได้ภายในปีพ.ศ.2564 นี้
สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาคาดหวังการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย การช่วยให้ร้านค้าไม่ว่าจะขนาดใดก็ตามสามารถรับการชำระเงินแบบดิจิทัลได้ นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้แก่พวกเขาแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และช่วยให้พวกเขาสามารถโฟกัสกับการขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
“วีซ่ามีความมุ่งมั่นที่จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ทำธุรกิจในทุก ๆ รูปแบบได้มีเครื่องมือที่จะช่วยดึงลูกค้าและให้บริการได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบันที่เราได้เห็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน และเรายินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับเคเชอร์ เพื่อช่วยกันสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจให้แก่เหล่าร้านค้า ให้สามารถดำเนินต่อไปได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล” ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าว
สันทิต จีรวงศ์ไกรสร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เคเชอร์ เพย์เมนท์ จำกัด ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เราเป็นบริษัทชั้นนำที่เชี่ยวชาญเรื่องการบริการด้านการชำระเงินดิจิทัล เรายังคงเดินหน้าแสวงหาโอกาสและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการทำธุรกิจในประเทศไทย เป้าหมายหลักของเราคือการช่วยปูทางให้กับผู้ค้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในสังคมใหม่อย่างเศรษฐกิจดิจิทัลนี้ได้ โดยทำให้การยอมรับการชำระเงินแบบดิจิทัลกลายเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ใด ๆ ก็ตาม
“ความร่วมมือกับวีซ่าครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถให้บริการด้านการชำระเงินออนไลน์ที่ไร้รอยต่อและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้กับผู้ค้าออนไลน์ในประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้พวกเขาเข้าถึงโซลูชั่นการชำระเงินแบบดิจิทัลที่ได้มาตรฐานอีกด้วย” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เคเชอร์ เพย์เมนท์ จำกัด ประจำประเทศไทย กล่าว
เคเชอร์ จะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ LinkPay1 ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบใช้งานได้ทันที โดยที่กลุ่มผู้ค้าออนไลน์สามารถใช้บริการได้ไม่ว่าพวกเขาจะขายของอยู่ที่ใดก็ตาม ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการสนทนากันของผู้ซื้อและผู้ขาย ผู้ซื้อเพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ด หรือคลิกที่ลิงค์เพื่อทำการชำระเงิน จากนั้นระบบจะพาไปที่หน้าเพจที่มีระบบความปลอดภัยเพื่อให้ลูกค้ากรอกรายละเอียดบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเพื่อชำระเงิน ซึ่ง LinkPay จะตรวจสอบการซื้อ และจับคู่ข้อมูลการชำระเงินกับคำสั่งซื้อ และส่งข้อความแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ของการทำธุรกรรมดังกล่าวไปที่ผู้ขายและผู้ซื้อเพื่อแจ้งให้ทราบว่าการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นอกจากนี้บริการ LinkPay ยังช่วยให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการคำสั่งซื้อและเช็คยอดบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา ตลอดจนสามารถแชร์ข้อมูลเหล่านั้นไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram LINE YouTube และ WhatsApp
ในปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคชาวไทยได้เปลี่ยนมาทำการชำระเงินแบบดิจิทัลในการช้อปปิ้งมากยิ่งขึ้น โดย 21 เปอร์เซ็นต์ ของนักช้อปชาวไทยใช้คิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงินเป็นครั้งแรก จากการศึกษาครั้งล่าสุดเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study)2 พบว่า มากกว่า 3 ใน 4 ของผู้บริโภคชาวไทยได้ทำการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็น 77 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มเจเนเรชั่น วาย เป็นกลุ่มที่ใช้คิวอาร์โค้ดในการชำระเงินมากที่สุด คิดเป็น 48 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยกลุ่มเจเนเรชั่น เอ็กซ์ คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มเจเนเรชั่น ซี สัดส่วน 38 เปอร์เซ็นต์
“ด้วยจำนวนผู้บริโภคที่เข้าถึงเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ความยืดหยุ่นในวิธีการและสถานที่ทำงาน ตลอดจนความต้องการในเรื่องของความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ได้เข้ามาเปลี่ยนภาพรวมในการทำการค้าในประเทศไทยไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหมายความว่าเราต้องสรรหาและคิดค้นโซลูชั่นใหม่ ๆ มานำเสนอให้แก่ร้านค้าเพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ในสภาวะที่พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป เรายินดีที่จะได้เข้าถึงกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและมีความคล่องตัวเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นจากการร่วมมือกับเคเชอร์ในครั้งนี้ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำงานร่วมกันเพื่อคงไว้ซึ่งสัมพันธภาพอันดีนี้ให้คงอยู่ต่อไปและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น” สุริพงษ์ กล่าวสรุป
2 การศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปี 2563 ของวีซ่า ซึ่งจัดทำโดย CLEAR ในนามของวีซ่าเมื่อเดือนกันยายน 2563 ในแปดประเทศทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 7,500 คน รวมทั้งผู้บริโภคในประเทศไทยจำนวน 1,000 ราย ที่มีอายุระหว่าง 18-65 ปี ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา และมีรายได้ขั้นต่ำต่อคนที่ 15,000 บาท
1 ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ http://www.ksher.com/product