HERE Technologies ผู้นำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและข้อมูล Location Data จัดงาน HERE Direction Bangkok 2022 เพื่ออัปเดทเทคโนโลยีและข้อมูล Location Data ใหม่ๆ ในธุรกิจ Mobility และธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ รวมทั้งเทรนด์ของธุรกิจ Mobility ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Connected Car) ในอนาคตพร้อมกันนี้ได้จัด Show Case โซลูชัน Location Data สุดล้ำใน EV และธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ณ โรงแรม So Bangkok
เจสัน เจมสัน รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป บริษัท HERE Technologies ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า HERE Technologies เป็นผู้นำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและข้อมูล Location Data ซึ่งมีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 35 ปี ในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยีข้อมูลตำแหน่งโลเคชัน และครองอันดับ 1 สำหรับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและข้อมูล Location Data ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์อุตสาหกรรมอย่างเช่น Omdia, Counterpoint Research และ Strategy Analytics โดยบริษัทฯ มีการดำเนินงานที่กว้างขวาง ตั้งแต่จัดหาชุดข้อมูลที่ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ, แลนด์มาร์ค 3D กว่า 37,000 แห่ง, การเรียกใช้ API กว่า 100,000 ล้านครั้งต่อเดือน โดยข้อมูลแผนที่ HERE ถูกใช้งานในรถยนต์กว่า 160 ล้านคัน รวมทั้งจุดสนใจ (Point of Interest – POI) 200 ล้านจุดถูกอ้างอิงบนแผนที่ของเรา พื้นที่ฐานอาคาร 3D กว่า 141 ล้านแห่ง และมียานพาหนะกว่า 21 ล้านคันที่จัดส่งข้อมูลการตรวจสอบและเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ให้แก่ HERE
HERE Technologies ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์แบบ B2B กว่า 1,300 ราย ทางด้าน Automotive Solution, Logistics, E-commerce ตั้งแต่ระดับ Content ไปจนถึงซอฟต์แวร์ รวมถึงมีลูกค้าซึ่งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศ เช่น Yojee, VinFast, Toyota, HONDA, ESRI เป็นต้น และมีกลุ่มนักลงทุนที่หลากหลายและมีความแข็งแกร่ง โดยล่าสุดมีบริษัท NTT และ Mitsubishi Corporation จากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้าร่วมลงทุนเมื่อช่วงปลายปี 2562
ในปี 2562 HERE Technologies ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ ประกอบด้วย 1.ฟีเจอร์ใหม่ EV Routing 2. Here Navigation Map 3. Here ADAS Map 4. HERE Map Making และ 5 .Supply Chain Solutions โดย EV Routing ทำหน้าที่จัดเส้นทางที่เหมาะสมให้กับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบที่ใช้งานส่วนตัวและใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยคำนึงถึงลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะทางเรขาคณิตของถนน ข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ และแบบแผนการจราจร และสามารถซิงค์เข้ากับรูปแบบการใช้งานรถยนต์ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ การบรรทุก หรือสภาพอากาศที่แตกต่างกัน
ควบคู่ไปกับการลดจำนวนครั้งของการหยุดแวะเพื่อชาร์จไฟ และลดระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งสอดรับกับรูปแบบการใช้งานของรถยนต์นั้นๆ
EV Routing เป็นฟีเจอร์ของ API การจัดเส้นทางที่สร้างขึ้นบนระบบแผนที่ HERE และรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) นอกจากนั้น ยังใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล HERE EV Charge Points ซึ่งครอบคลุมรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเปิดให้บริการของสถานีชาร์จ การสมัครใช้บริการ และข้อมูลราคาค่าบริการ
ล่าสุด VinFast ผู้ผลิตรถยนต์หรูชั้นนำของเวียดนามมีแผนที่จะติดตั้งระบบ HERE ISA Map ของ HERE Technologies ในรถยนต์ VinFast รุ่น VF 8 และ VF 9 ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสำหรับเจาะตลาดยุโรป ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบความปลอดภัยทั่วไป (General Safety Regulations) ของสหภาพยุโรป เกี่ยวกับระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (Intelligent Speed Assistance – ISA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่
ด้านอาบิจิต เซนกุปตา ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายธุรกิจ ประเทศอินเดีย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท HERE Technologies กล่าวว่า ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 16 ปีที่ผ่านมา HERE ได้เปิดดำเนินงานในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสำนักงานสาขา 7 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ และสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค APAC ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ และกรุงเทพฯ ด้วยพนักงานกว่า 130 คนใน 8 สายงาน HERE นำเสนอความเชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งในระดับท้องถิ่นผ่านทีมงานฝ่ายบริการลูกค้าและฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมปรับแต่งข้อมูลแผนที่ให้สอดคล้องกับแต่ละประเทศ รวมถึงกรณีการใช้งานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคนี้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในกลจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโมบิลิตี้ (Mobility) ประเทศไทยนับเป็นผู้เล่นรายสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกหลายรายตั้งโรงงานอยู่ในประเทศไทย เช่น Toyota, Honda, Ford และ BMW ขณะเดียวกันประเทศไทยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนตลาดรถไฟฟ้า (EV) เนื่องจากภาครัฐให้การสนับสนุน ส่วนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสนใจต่อรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในส่วนของตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Connected Car) ช่วยสร้างโอกาสที่สำคัญอย่างมากสำหรับองค์กรธุรกิจภาคยานยนต์ ด้วยการนำเสนอฟีเจอร์ต่าง ๆ ผ่านการเชื่อมต่อ เช่น ระบบนำทางแบบ Turn-by-Turn ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์และความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ ขณะนี้มี Connected Car ประมาณ 48% โดยคาดว่าภายใน 8 ปี รถยนต์ทั้งหมดจะเป็น Connected Car โดยมีระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ช่วยรองรับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และมีความจำเป็นอย่างมากต่อรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ด้านความแข็งแกร่งในด้านยานพาหนะสองล้อ ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากสำหรับการใช้ยานพาหนะสองล้อทั้งในแง่ส่วนบุคคลและสำหรับธุรกิจ ผู้ผลิตยานพาหนะสองล้อกำลังพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความยั่งยืนของธุรกิจ โดยอาศัยเทคโนโลยี Location
อาบิจิต กล่าวถึงเทรนด์ของการขนส่งและโลจิสติกส์ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดส่งผลให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังเพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ด้วยผู้บริโภคต้องการที่จะตรวจสอบว่าสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ตอนนี้อยู่ที่ใดและจะมาถึงเมื่อใด แพลตฟอร์ม HERE Last Mile จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้สามารถใช้ยานพาหนะและคนขับทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาการจัดส่ง และค่าใช้จ่าย แอปพลิเคชันสำหรับผู้ขับขี่ดังกล่าวจะช่วยให้พนักงานขับรถจัดเส้นทางได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด เพื่อให้สามารถส่งสินค้าได้ตรงตามเวลาที่กำหนด
ในส่วนของซัพพลายเชน HERE มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนการจัดส่งสินค้า (ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนการจัดส่งถึงที่อยู่ปลายทาง) โดยระบบ Location แบบอัจฉริยะรองรับการประสานงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของบุคลากร เครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์ และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ด้วยการระบุ “ตำแหน่งที่ตั้ง” และ “เวลา”แบบเรียลไทม์ผ่านระบบอัจฉริยะ ซึ่งทำงานร่วมกับระบบบริหารคลังสินค้าหรือระบบจัดการลานตู้คอนเทนเนอร์