JP ปั้น MAWO ผู้ประกอบ การรุ่นใหม่ พร้อมเปิดตัว”มาโว่ มารีน คอลลาเจน” รุกตลาดอาหารเสริม ตั้งเป้ายอดขาย 10 ล้านบาท


กรุงเทพฯ : บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปิ๊งไอเดียปั้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่รุกตลาดอาหารเสริม รับหน้าที่พี่เลี้ยง ให้คำปรึกษาธุรกิจและ R&D ครบในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งเป้าปีนี้เจาะกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าพอร์ต OEM 10 ราย ล่าสุดส่ง MAWO “มาโว่ มารีน คอลลาเจน” บุกตลาด รับเทรนด์สุขภาพมาแรง ตอบโจทย์ทั้งวัยทำงานและสังคมผู้สูงอายุ ตั้งเป้ายอดขาย 10 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ปี 2571 ตลาดคอลลาเจนทั่วโลกเติบโตแตะ 3 หมื่นล้านบาท 

พิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการขายและการตลาด บริษัท โรงงานเภสัช   อุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP เปิดเผยว่า หลังจากที่ JP ได้ทำโครงการ                ‘Z entrepreneur by JP’ ซึ่งเป็นโครงการที่ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่น สินค้าด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สินค้าโอทอป และสมุนไพรต่างๆ ที่ต้องการโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP ที่ได้มาตรฐานส่งออก แต่ไม่มีเงินลงทุนในการซื้อเครื่องจักร ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับ JP เพื่อสร้างสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งในโครงการนี้ JP ได้เป็นพี่เลี้ยงในการวิเคราะห์ธุรกิจ การทำแผนธุรกิจ ด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงยังให้คำปรึกษาด้านบรรจุภัณฑ์ และการขออนุญาตขึ้นทะเบียน อย. 

โดยโครงการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID – 19 ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับความสนใจจากทั่วโลก จึงมีคนรุ่นใหม่เกิดความต้องการที่จะเข้ามาเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจเหล่านี้แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ยังขาดความรู้ และขาดคำแนะนำที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง ดังนั้น JP จึงได้เปิดตัวโครงการนี้ขึ้นมา

“หลังจากเปิดตัวโครงการมีคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมโครงการ 7 ราย  โดย MAWO เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ JP ให้การสนับสนุนจนสามารถสร้างผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นได้จริง จึงเป็นตัวอย่างของผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตนเอง โดยที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่สามารถสร้างสินค้าที่ได้มาตรฐาน และสามารถส่งออกไปยังต่าง

ประเทศได้ ซึ่งมองว่าการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้ขึ้นมาแข่งขันในตลาดนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะปัจจุบันคนรุ่นใหม่จะเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ โดยในโครงการนี้ JP จำกัดจำนวนผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องการเข้ามาร่วมโครงการปีละ 10 ราย เพื่อให้เป็นโครงการที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิดและมีคุณภาพ” พิษณุกล่าว

อย่างไรก็ดีนอกจากโครงการ ‘Z entrepreneur by JP’ ยังมีอีกหนึ่งโครงการคือ Economy Sharing ที่ JP ได้ทำขึ้นในช่วงเกิดวิกฤต COVID-19 ด้วยการทำให้ภาคธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโรงงานผลิตยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับผลกระทบ จากกำลังซื้อที่ลดลง ส่งผลให้ภาคผู้ผลิตที่เป็นโรงงานขนาดเล็ก มีความเสี่ยงต้องปิดกิจการชั่วคราว หรือปิดโดยไม่มีกำหนด เกิดการรวมกลุ่มใช้ทรัพยากรร่วมกัน ด้วยการเปิดบริการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับโรงงานขนาดเล็ก เพื่อให้โรงงานขนาดเล็กไม่ต้องปิดกิจการ สามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้ตามปกติ แต่ไม่ต้องแบกรับต้นทุนด้วยการดำเนินการผลิตเอง เพราะหากคำสั่งซื้อมีปริมาณไม่มากพออาจจะไม่คุ้มทุนกับการผลิตเอง และเสี่ยงต่อการปิดกิจการในที่สุด

ณัฐณิชา ดอนสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาโว่ เฮลธ์ จำกัด (MAWO) กล่าวว่า ปัญหาของผู้ประกอบการรายเล็กคือ การมีต้นทุนจำกัดในการลงทุนเครื่องจักรที่ได้มาตรฐานระดับสากล การเข้ามาร่วมโครงการกับ JP จึงทำให้ธุรกิจสามารถเป็นจริงได้ง่ายขึ้น โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก อีกทั้งได้รับคำแนะนำ และผ่านการอบรมทั้งด้านงานขาย การเข้าถึงสื่อออนไลน์ การวิเคราะห์ธุรกิจ เป็นต้น

ส่วนแนวคิดการทำธุรกิจของ MAWO นั้น เกิดจากการศึกษาตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี ทำให้เห็นทิศทางการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในยุคของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนหนึ่งที่ทำให้สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นที่ต้องการมากขึ้น ดังนั้น MAWO จึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่ง “คอลลาเจน” เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ เพราะไม่ได้ช่วยแค่เรื่องผิวพรรณ แต่ยังช่วยเรื่องกระดูกและข้อ และเป็นสินค้าที่มีทิศทางการเติบโตของตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี 

จากที่ได้ทำการศึกษาพบว่าในปี 2564 ตลาดคอลลาเจนเปปไทด์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 624.0 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มเป็น 932.7 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2571 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 5.91% ในแต่ละปี หรือคิดเป็น ประมาณ 30,000 ล้านบาท เนื่องจากสัดส่วนโครงสร้างประชากรทั่วโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ในขณะที่ประเทศไทยตลาดวิตามินและอาหารเสริมปี 2563 มีมูลค่า 25,269 ล้านบาทที่เติบตัวเลขเฉลี่ย 8%  โดยตลาดที่กินส่วนแบ่งมากที่สุดคือ ตลาดคอลลาเจน 

มาโว่ มารีน คอลลาเจน จึงเป็นสินค้าตัวแรกของแบรนด์ MAWO เพราะตอบโจทย์ความต้องการของทั้งวัยทำงานและผู้สูงวัย อย่างไรก็ดีในอนาคต MAWO มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ เช่น วิตามินต่างๆ โดยภายในปีหน้า จะเริ่มมีสินค้าประเภทอื่นนอกจากคอลลาเจนออกจำหน่าย ซึ่งสินค้าลำดับต่อไปของ MAWO ก็จะร่วมพัฒนาและผลิตที่โรงงานของ JP เช่นเดิม

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของ MAWO นั้น จะเน้น ช่องทางออนไลน์ และโซเชียลคอมเมิร์ซ เป็นหลัก และมีการจำหน่ายผ่านตัวแทนบางส่วน โดยแบ่งสัดส่วนเป็น 70:30 โดยในปีแรกตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10 ล้านบาท และตั้งเป้าจะเติบโตเป็น 20 ล้านบาทในปีต่อไป เนื่องจากจะมีสินค้าหลากหลายประเภทมากขึ้น โดยสินค้าทุกประเภทจะยังคงอยู่ในแนวคิด “สินค้าคุณภาพระดับพรีเมียม แต่ราคาเข้าถึงง่าย” ณัฐณิชา กล่าวทิ้งท้าย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save