Gigamon เป็น IT Vendor ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 950 คน และมีสำนักงาน 19 แห่งทั่วโลก ให้บริการลูกค้ากว่า 4,200 รายทั่วโลก รวมถึงบริษัทชั้นนำ 83 แห่งจาก 100 บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune มีลูกค้า7 จาก 10 แห่งที่เป็นธนาคารชั้นนำระดับโลกมีลูกค้า10 จาก 10 แห่งที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง มีลูกค้า 8 จาก 10 แห่งที่เป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำและมีลูกค้า9 จาก 10 แห่งที่เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือชั้นนำ
Shane Buckley กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Gigamon กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้าน Network Visibility 7 ปี ที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับโซลูชัน Hawk Deep Observability Pipeline ที่ Gigamonพัฒนาขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือที่เป็น Observability Tools โดย Deep Observability จะทำการดักจับข้อมูลที่ต้องการ และทำการคัดกรอง ก่อนส่งไปที่ Observability Tools ต่างๆ เพื่อทำการวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว และหากพบความผิดปกติ ก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วทันที องค์กรจึงมั่นใจในมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์
“การที่ Deep Observability Pipeline ดึงข้อมูลให้ Tools ต่างๆ ที่ต้องดูแลระบบลูกค้า ช่วยลดจำนวน Trafficได้ถึง 50% ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลลดลง เพิ่มประสิทธิภาพระบบความปลอดภัย ทำให้ข้อมูลลูกค้า Protect ได้ถูกจุด และลดค่าใช้จ่าย” Shane Buckley กล่าว
นอกจากนี้ Deep Observability ยังช่วยให้องค์กรสามารถเห็นภาพรวมทั้งหมดในระบบ Network ได้ แม้แต่ในบริเวณที่เป็นจุดบอด ซึ่งอาจมีความซับซ้อน หรือยากแก่การมองเห็น จากประสิทธิภาพการทำงานของทั้งระบบที่เพิ่มสูงขึ้น องค์กรจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั้งแบบ Hybrid และ Multi-Cloud รวมทั้งใช้ประโยชน์จาก Cloud ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มรูปแบบได้
Gigamon เป็นผู้นำด้าน Deep Observability ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ Cloud และยกระดับการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Observability Tools ด้วย Real-time Network Intelligence ที่ได้จาก Packets,Flows และ Application Metadata ต่างๆ เพื่อให้การป้องกันในเชิงลึก และการจัดการที่มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ที่สุด ในการใช้งานทั้งแบบ Hybrid และ Multi-Cloudลูกค้าจึงสามารถเปลี่ยนไปใช้แนวทางการรักษาความปลอดภัยเชิงรุก โดยสามารถระบุภัยคุกคามและความผิดปกติเพื่อลดความเสี่ยงและเร่งแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
โซลูชันHawk Deep Observability Pipeline ของ Gigamon ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงขีดความสามารถของ Cloud เพื่อการพัฒนาได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลดีต่อธุรกิจ 3 ด้านดังนี้ 1.ใช้มาตรการเชิงรุกในการรักษาความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อลดความเสี่ยงของลูกค้า 2.สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีความเสถียร เพื่อเพิ่มผลผลิตและความคล่องตัว และสนับสนุนความสำเร็จขององค์กร และ 3.เปลี่ยนการใช้ทรัพยากรด้านไอทีเพื่อเริ่มการใช้งานบน Cloud มากขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจได้
Shane Buckley กล่าวว่า ในแต่ละปี Gigamon ใช้งบลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาสูงถึง 22% ของรายได้ หรือคิดเป็น 2 เท่าของตลาด ทำให้มีสิทธิบัตร 10-20 สิทธิบัตรต่อปี รวมทั้งสิทธิบัตรของ Hawk Deep Observability Pipeline ด้วย
ปัจจุบันลูกค้าของ Gigamon ในไทย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธนาคารและการเงิน ทั้งนี้ Gigamon มีแผนงานที่จะบุกเบิกลูกค้ากลุ่มภาครัฐและบริษัท Enterprise ขนาดใหญ่ในไทยมากขึ้น