DJI ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีโดรนเกษตร ส่งโดรนเกษตร รุ่น DJI AgrasT10 และ รุ่น DJI AgrasT30 ผลิตภัณฑ์เรือธงมาทำตลาดอย่างเป็นทางการในงาน AGRITECHNICA ASIA 2022 ครั้งที่ 3 ณ ไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร โดยโดรนทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบา ทำงานได้คล่องตัว ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ลดเวลาในการทำงาน และลดเวลาในการทำงาน รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบตอบโจทย์การทำการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm)
มร.ดอนนี่ เจีย ผู้จัดการฝ่ายขาย ประเทศไทย DJI กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบเทคโนโลยีโซลูชันด้านการเกษตรดิจิทัลแก่ผู้ใช้งานด้วยการพัฒนาโดรนอัจฉริยะ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมนวัตกรรมการเกษตรระดับโลก ซึ่งได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการกับการจัดการพื้นที่เพาะปลูกด้วยโซลูชันเกษตรดิจิทัลแก่เกษตรกรมากกว่า 50,000,000 คน กว่า 30 ประเทศทั่วโลก
สำหรับในประเทศไทยเริ่มเข้าทำตลาดขายโดรนการเกษตร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดต่อเนื่อง สร้างยอดขายในปี พ.ศ. 2564 เพิ่มขึ้น 227% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ 2563 ปัจจุบันมีการใช้โดรนในแปลงเกษตรกลุ่มพืชผล เช่น ข้าว ทุเรียน, ทานตะวันและปาล์มน้ำมัน เป็นต้น
ล่าสุดภายในงานนิทรรศการเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศไทยAGRITECHNICA ASIA 2022 ครั้งที่ 3 ณ ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา บริษัทฯ ได้แนะนำโดรนเกษตร 2 รุ่น ได้แก่ 1.รุ่น DJI Agras T10 มีขนาดเล็กเคลื่อนย้ายง่าย ออกแบบให้มี 4 ใบพัด 4 หัวฉีด และตัวแขนสามารถพับเก็บได้ ทำให้สะดวกต่อการขนย้าย ตัวบอดี้น้ำหนักเบา 13 กิโลกรัม ส่วนแบตเตอรี่และตัวถังน้ำยาสามารถใส่เข้าและถอดออกได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับฉีดพ่น หว่านปุ๋ยเม็ด จะใช้งานเองในไร่ หรือรับจ้างเสริม มีความจุถังน้ำยา 10 ลิตร มีปั๊ม 2 ตัวรัศมีสเปรย์ 3.5-4.5 เมตรความเร็วในการทำงาน 30 – 40 ไร่ต่อชั่วโมง ฉีดพ่นเร็ว 2.4 ลิตรต่อนาที มีกล้อง FPV ด้านหน้า+ด้านหลัง มีเรดาร์ทรงกลมแบบใหม่ สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางได้รอบทิศทาง และทุกสภาพแวดล้อม พร้อมบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางให้อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานทุกรูปแบบ มาตรฐานกันน้ำ IP67 สามารถทำการเกษตรผ่านแอปพลิเคชัน DJI Agriculture ซึ่งมีหลายโหมดการควบคุมให้เลือกตามความเหมาะสม ช่วยให้ผู้ใช้งานวางแผนการบินและฉีดพ่นอัตโนมัติ
ส่วน DJI Agras T30 มีความจุ 30 ลิตร มี 6 ใบพัด 16 หัวฉีด เหมาะกับการฉีดพ่นพื้นที่แปลงใหญ่ สามารถใช้รับจ้างฉีดพ่นได้ในรัศมีสเปรย์ 4-9 เมตรความเร็วในการทำงาน 75 – 100 ไร่/ ชั่วโมงความเร็วในการทำงาน 75 – 100 ไร่/ ชั่วโมง ฉีดพ่นเร็ว 8 ลิตร/ นาที สามารถพ่นแบบเจาะจงเข้าหาต้นไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถปรับหัวพ่นไปตามแนวต้นไม้ได้ ละอองสเปรย์กระจายทั่วถึง แม้กระทั่งใต้ใบหรือลำต้น มีถังหว่านเมล็ดรุ่นใหม่ 35 ลิตร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายเมล็ดพันธุ์และปุ๋ย รองรับการใส่ปุ๋ยที่หลากหลาย และการหว่านมีความแม่นยำมากขึ้น ช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังสามารถเช็คปริมาณคงเหลือในถังได้ตลอดเวลา มีปั๊ม 2 ตัว มีกล้อง FPV ด้านหน้า+ด้านหลัง ช่วยให้ผู้ใช้งานดูวิดีโอถ่ายทอดสด จากกล้องแบบความละเอียดสูงผ่านหน้าจอบนรีโมตคอนโทรลได้ทันที พร้อมมีไฟส่องสว่างที่ด้านหน้า 4 ดวงและด้านหลัง 4 ดวง มีเรดาร์กันชนรอบทิศทาง+ด้านบนมาตรฐานกันน้ำ IP67 สามารถวางแผนเส้นทางการบินผ่านสมาร์ทโฟนได้ โดยจัดการเส้นทางการบินในรูปแบบแผนที่สามมิติ เพื่อสร้างเส้นทางการบินที่แม่นยำ
มร.ดอนนี่ เจีย กล่าวถึงเป้ายอดขายในประเทศไทยปี พ.ศ.2565 ว่า บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่าปี พ.ศ.2564 แม้จะมีวิกฤต COVID-19 และปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ตาม เพราะสินค้าโดรนการเกษตรเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวมากนักแต่กลับการผลผลิตทางการเกษตรมีความต้องการสูงขึ้นในช่วงดังกล่าว จึงทำให้การเกษตรในประเทศไทยมีการเร่งนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมอย่างโดรนทางการเกษตรมาช่วยทำการเกษตรเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังให้การสนับสนุนให้ภาคการเกษตรของไทยใช้นวัตกรรมที่ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ลดเวลาในการทำงาน และลดเวลาในการทำงานเพื่อมุ่งสู่การทำการเกษตรยุคใหม่อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้โดรนการเกษตรของบริษัทฯ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ในส่วนยอดขายโดรนการเกษตรในตลาดโลกของบริษัทฯ ในปี พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา มียอดขายรวม 100,000 ยูนิต มีพื้นที่ปฏิบัติการทั่วโลกสะสมมากกว่า 667 ล้านเฮกตาร์ และฝึกอบรมนักบินมืออาชีพที่ผ่านการรับรองแล้วมากกว่า 65,000 คน
สำหรับศูนย์บริการ DJI Service Center ในประเทศไทย มี 6 แห่ง ซึ่งจะทำหน้าที่บริการหลังการขาย แนะนำอุปกรณ์เสริมและอะไหล่ไว้บริการลูกค้า ได้แก่ สำนักงานใหญ่อาคาร เค.เอส.แอล ทาวเวอร์ ชั้น 2 พญาไท, เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 4, เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต ชั้น 2, เมกาบางนา ชั้น 2, หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และขอนแก่น