“DEXON” เปลี่ยนอุตสาหกรรมมลพิษสู่ Green & Digital City มุ่งสู่ Net Zero Emission


บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือDEXON ผู้ให้บริการตรวจสอบการกระบวนการทำงานและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจสอบในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่น ปิโตรเคมี พลังงานหมุนเวียน ก่อสร้าง ขนส่งและโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบท่อลำเลียงต่างๆ สร้างความมั่นใจว่าทุกกระบวนการพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย อีกทั้งช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ร่วมดูแลชุมชน สังคม และเมืองอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง พร้อมเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมมลพิษสู่ Green & Digital City ตามแผนการดำเนินธุรกิจที่จะนำพาองค์สู่ Net Zero Emission ภายในปี พ.ศ. 2573

ดร.มัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือDEXON กล่าวว่า DEXON เป็นบริษัทฯ ผู้ให้บริการตรวจสอบการกระบวนการทำงานและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจสอบระบบโครงสร้างทางวิศวกรรม และการตรวจสอบแบบโดยใช้เทคนิคในการตรวจสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing) แบ่งเป็น การตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน (Conventional Non-Destructive Testing) และการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Non-Destructive Testing) ซึ่งคือ ใช้หลักการทางฟิสิกส์เป็นส่วนใหญ่ในการทำงาน เพื่อให้ทราบถึงคุณภาพของชิ้นงานที่ถูกทดสอบโดยใช้การค้นหารอยบกพร่องหรือรอยความไม่ต่อเนื่อง ที่มีอยู่ในชิ้นงานโดยที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับชิ้นงานนั้นและประเมินความสมบูรณ์ของระบบท่อนำส่ง (Pipeline Integrity) เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่น ปิโตรเคมี พลังงานหมุนเวียน ก่อสร้าง ขนส่งและโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบท่อลำเลียงต่างๆ สร้างความมั่นใจว่าทุกกระบวนการพร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ไม่มีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ร่วมดูแลชุมชน สังคม และเมืองอุตสาหกรรมจังหวัดระยองเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมมลพิษสู่ Green & Digital City ตามแผนการดำเนินธุรกิจที่จะนำพาองค์สู่ Net Zero Emission ภายในปี พ.ศ.2573รวมถึงวางแผนการดำเนินงานในระดับประเทศ โดยมีแผนที่จะร่วมมือกับกลุ่มวิจัยขั้นแนวหน้าในการดักจับ และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage :CCS) เพื่อมุ่งสู่พลังงานสะอาดตอบโจทย์การเข้าสู่สังคมไร้คาร์บอนในอนาคต

สำหรับความร่วมมือกับกลุ่มวิจัยชั้นแนวหน้าในการดักจับ และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ นั้นจะเป็นความร่วมมือสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CCS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตได้ในระดับหลายล้านตันต่อปี และนำไปกักเก็บในชั้นธรณีที่มีศักยภาพ และเหมาะสมแบบปลอดภัย และถาวร หรือ Permanent Geological Storage โดยไม่มีการปล่อยกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้อีก ซึ่งบริษัทฯได้เข้าไปศึกษาดูงาน และหารือกับเครือข่ายในประเทศเดนมาร์ก และดูงานที่โครงการ Northern Lights ซึ่งเป็นคณะแรกของไทยจากภาคการศึกษา และวิจัยที่เข้าเยี่ยมชมดูงานโครงการระดับโลกโครงการนี้ ซึ่งการศึกษาดูงานในครั้งนี้มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมเดินทาง และยังได้เยี่ยมชมโครงการ Northern Lights ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าของ Equinor Shell และ Total ภายใต้การสนับสนุนช่วงแรกจากรัฐบาลนอร์เวย์ ในการบุกเบิก และลงทุนการขนส่ง และการกักเก็บคาร์บอนถาวรในชั้นหินอุ้มน้ำ ในบริเวณทะเลเหนือ

ปัจจุบันโครงการกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระยะแรกคือการศึกษาทำความเข้าใจ สู่ระยะที่สองคือการประกอบการเชิงพาณิชย์ มีเป้าหมายในการเก็บคาร์บอนแบบถาวรที่มาจากอุตสาหกรรมซีเมนต์ และอุตสาหกรรมหนักอื่นที่หลีกเลี่ยงการปลดคาร์บอนไม่ได้ หรือ Hard-to-abate

 ดร.มัลลิกา กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่ผ่านวิกฤตต่างๆ ทำให้บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบรายแรกของไทยที่สามารถขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยได้เข้าไปให้บริการกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมโลกมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะกลายเป็นสัญญาณเตือนว่าวิกฤตดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของทุกชีวิตบนโลก นำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงระดับมหาภาค ทุกภาคส่วนทั่วโลกต่างเร่งเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission

 “ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันตามยุทธศาสตร์ ESG ที่เน้นสร้างเศรษฐกิจไปสู่ความยั่งยืน ควบคู่กับสมดุลทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส มุ่งสู่เป้าหมาย SDGs ของสหประชาชาติ ก็จะสามารถช่วยกันทำให้โลกสามารถผ่านวิกฤตได้” ดร.มัลลิกา กล่าว

ด้านนวรัตน์ คำศรี ผู้จัดการฝ่ายขายต่างประเทศ และการตลาด บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON กล่าวว่า บริษัทฯ จดทะเบียนตั้งบริษัทฯ เมื่อ ปี พ.ศ. 2539เริ่มแรกเป็นชื่อ บริษัท DACON ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการตรวจสอบการกระบวนการทำงานและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจสอบทางท่อ โดยในปี พ.ศ.2542 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะสร้างนวัตกรรมในการตรวจสอบทางท่อขึ้น Intelligent Pigging จากการติดต่อของ Total ซึ่งต่อมามีการส่งมอบสัมปทานดังกล่าวให้ PTTEP ในปี พ.ศ.2550 ฝ่ายวิจัยและพัฒนาประสบความสำเร็จในการผลิตอุปกรณ์ UT-R เป็นจุดเริ่มต้นของการให้การบริการตรวจสอบระบบท่อนำส่ง ในปี พ.ศ.2552 บริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่ เพื่อสร้างสำนักงานประกอบด้วยห้องปฏิบัติการ ลานทดสอบทางท่อ สานที่ฝึกอบรม พร้อมห้องวิจัย ขึ้นที่ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

ในปี พ.ศ.2557 บริษัทฯได้มีการปรับโครงสร้าง บริษัท ดาคอน อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส พีทีอี ลิมิเต็ด (DITS) ที่ประเทศสิงคโปร์ ปี พ.ศ.2559 ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯประสบความสำเร็จในการคิดค้นอุปกรณ์ตรวจสอบอัจฉริยะโดยเทคนิคการรั่วไหลของสนามแม่เหล็ก MFL ในปี พ.ศ.2562 บริษัทฯได้สร้างอาคารวิจัยและพัฒนาบนที่ดิน 7 ไร่ เพื่อเพิ่มเติมศักยภาพการวิจัยและพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัด ปี พภ.ศ.2563-2564 ดำเนินการจัดตั้ง บริษัท ดาคอน เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ให้บริการการฝึกอบรมด้านการตรวจสอบ บริษัทดาคอน เมคคานิคอล โซลูชั่น จำกัด ให้บริการออกแบบทางวิศวกรรม งานประกอบ งานโครงสร้าง และบริษัท ดาคอน ยุโรป บีวี ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมกับกลุ่มลูกค้าในทวีปยุโรป และอเมริกา ล่าสุดในปี พ.ศ. 2565 บริษัทเปลี่ยนชื่อพร้อมแปรสภาพเป็น บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และเพิ่มทุนจดทะเบียนและเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราเอาไว้เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2566 บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (DEXON) ได้เข้าทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มบริการ

ในส่วนการให้บริการของบริษัทฯ แบ่งการให้บริการออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.การตรวจสอบโดยไม่ทำลายชั้นสูง ( Advanced NDT) 2.การตรวจสอบท่อโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (In-Line Inspection) 3.บริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research & Development) 4.การตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน 5.การบริการฝึกอบรมการตรวจสอบและ 6.ออกแบบทางด้านวิศวกรรมประกอบ ติดตั้งและซ่อมบำรุง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้ากว่า 2,000 บริษัท ใน 40 ประเทศทั่วโลก

กรเมศร์ คำแสน ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้ปัจจุบันเป็นงานในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซประมาณ 30% ปิโตรเคมี 20% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มอื่นๆ โดยมีสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 65% และลูกค้าต่างประเทศ 35% คาดว่าในปี พ.ศ.2566สัดส่วนลูกค้าต่างประเทศจะเติบโตมากกว่า 35% จากการตั้งบริษัทในต่างประเทศเพื่อขยายกลุ่มลูกค้า และเพื่อให้สัดส่วนรายได้สมดุลกัน ควบคุมความเสี่ยงจากการแข่งขันในประเทศ

ส่วนการลงทุนในปี พ.ศ.2567 บริษัทฯจะมุ่งเน้นลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) และบุคลากร เพื่อยกระดับศักยภาพของบุคลากรบริษัท รวมทั้งควบคุมอัตราการใช้อุปกรณ์ โดยพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถทำงาน และลดการแก้ไขปรับเปลี่ยนให้มากที่สุด ภายใต้ความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมด้วย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save