ปี พ.ศ.2564 นี้ ประเทศไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Aged Society) แล้ว โดยมีการประมาณการณ์ว่ามีสัดส่วนผู้สูงอายุในช่วง 60 ปีขึ้นไปถึง 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 13 ล้านคน และมีการคาดการณ์ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า หรือปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของคนไทยจะเป็นผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุ80 ปีขึ้นไปจะมีมากถึง 3.5 ล้านคน
เมื่อสังคมผู้สูงอายุขยายตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความแข็งแกร่งทางการแพทย์ในประเทศมาโดยตลอด บีโอไอได้ขับเคลื่อนการให้การส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคการผลิต และการบริการ เช่น การให้ส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตยา ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ การให้บริการสถานพยาบาลและบริการทางการแพทย์ ซึ่งกิจการเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับการดูแล รักษาบำบัด และฟื้นฟูผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน และเพื่อรองรับผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร เมื่อปลายปี 2563 บีโอไอได้เปิด 2 ประเภทกิจการใหม่สำหรับการดูแลผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะคือ 1) กิจการโรงพยาบาลผู้สูงอายุ โดยผู้ที่ได้รับการส่งเสริมฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 5 ปี และ 2) กิจการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 3 ปี
ขณะที่เทคโนโลยีสุขภาพและการแพทย์เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่จะถูกนำมาใช้ในการดูแล รักษาหรือฟื้นฟูสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้สูงอายุมีความต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณลักษณะเฉพาะ ทั้งนี้ เทคโนโลยีสุขภาพและการแพทย์ จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยปัจจุบันบีโอไอมีประเภทกิจการให้การส่งเสริมการลงทุน 3 กิจการ คือ 1) กิจการให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Services) รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 5 ปี 2) กิจการซอฟต์แวร์ กลุ่มกิจการพัฒนา Enterprise Software และ/หรือ Digital Content รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 8 ปีไม่จำกัดวงเงิน และ 3) กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่แม้ว่าจะไม่มีสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ก็จะได้สิทธิประโยชน์อื่น เช่น การอนุญาตให้นำช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการเข้ามาทำงาน ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่จะทำให้เกิดการดึงดูดโปรแกรมเมอร์เก่ง ๆ มาร่วมงานที่ประเทศไทย ทำให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่น ๆ รวมถึงการช่วยสร้างระบบนิเวศน์ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย
นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นอีกหนึ่งกิจการใหม่ที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้สูงอายุ คือ กิจการอาหารทางการแพทย์ และกิจการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันมีหลายสูตรหลายรูปแบบให้เลือกสรร กิจการดังกล่าวสามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์กิจการผลิตอาหารทางการแพทย์ (Medical Food) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) โดยให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 8 ปี
การเติบโตของสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นตาม บีโอไอพร้อมให้การส่งเสริมฯ ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ที่สะดวกและมีทางเลือกมากขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งการส่งเสริมเหล่านี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)