เฮงเค็ล นำทีมสู่ยุค Industry 4.0 เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตด้วยระบบโรงงานอัจฉริยะ


ภาคอุตสาหกรรมมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยมาโดยตลอดและนับวันก็ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น จะเห็นได้จากสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP)ของภาคอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งมีสัดส่วนเป็น 39.2% ของ GDP ประเทศที่มีมูลค่ารวม 17.4 ล้านล้านบาทในปี 2565 (จากข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ปัจจุบันนี้ภาคอุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้านเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล เน้นส่งเสริมการขยายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ส่งเสริม E-Commerce, E-Documents และ E-Learning สิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นการวางพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้ไทยก้าวเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังเป็นการปูทางรองรับ Industry 4.0 อีกด้วย

Industry 4.0 ในความหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตมาใช้บูรณาการเข้ากับเครื่องจักรแบบ Industrial Automation ในกระบวนการผลิตสินค้า มีจุดเด่นคือสามารถเชื่อมความต้องการของผู้บริโภคเข้ากับกระบวนการผลิตสินค้าได้โดยตรง ซึ่งโรงงานยุค 4.0 จะสามารถผลิตของหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันได้เป็นจำนวนมากในเวลาพริบตาเดียว โดยใช้กระบวนการผลิตที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลครบวงจรแบบ “Smart Factory” (โรงงานอัจฉริยะ) ตั้งแต่การลำเลียง การบรรจุหีบห่อ และการขนส่ง ฯลฯ

แอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เฮงเค็ลเป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทยที่ใช้ระบบโรงงานอัจฉริยะเพื่อมุ่งสู่ Industry 4.0 โดยนำเครื่องจักรอัตโนมัติและระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ร่วมกันในกระบวนการผลิตตั้งแต่ปี 2558 ที่โรงงานเทคโนโลยีกาว บางปะกง เพื่อทดแทนการทำงานและบันทึกข้อมูลลงกระดาษด้วยมือ เปลี่ยนมาใช้สแกนเนอร์และแผงควบคุมอัจฉริยะที่ใช้ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) และซอฟต์แวร์ SAP ของเฮงเค็ล มาบันทึกและประมวลผลข้อมูล ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาดในการผลิตและประหยัดเงินและเวลา ตั้งแต่ขั้นตอนวัตถุดิบไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ทำให้เกิดการเพิ่มผลผลิต ลดความสูญเสียในกระบวนการผลิต ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การติดตามข้อมูลในแผนกที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ เช่น การตรวจสอบสินค้าคงคลัง และสถานะของส่วนผสมต่างๆ ยังช่วยให้เห็นข้อจำกัดในกระบวนการผลิตได้ง่ายขึ้น โดยโรงงานอัจฉริยะที่บางปะกง ได้รับการรับรองโดยมาตรฐาน ISO 9001 ISO 14001 ISO 45001 และ IATF 16949

 

เมื่อเร็วๆนี้ โรงงานเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ลที่บางปะกงได้รับรางวัลธงขาว-ดาวเขียว (Green Star) ประจำปี 2566 ในด้านการบริหารจัดการตามนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเฮงเค็ลที่มุ่งสู่ความยั่งยืน และสอดคล้องกับโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนร่วมปฏิบัติที่มุ่งความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยกนอ. มอบรางวัลให้กับโรงงาน 154 แห่ง ใน 32 พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีการบริหารจัดการทางสิ่งแวดล้อมและผลการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยทุกโรงงานผ่านการประเมินด้วยมาตรฐานตรวจสอบระดับสากล ครอบคลุมทั้ง 5 มิติหลัก ประกอบไปด้วย การบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว ระบบระบายน้ำ การสนับสนุนในระดับชุมชนและท้องถิ่นการบริหารจัดการน้ำและของเสีย ข้อกำหนดเกี่ยวกับสารอินทรีย์ระเหยง่ายและการดูแลคุณภาพอากาศ ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน การจัดการต่อสถานการณ์ต่าง ๆ การรับมือกับความคิดเห็นของประชาชน คุณภาพชีวิตของพนักงานในโรงงานและชุมชนที่อยู่ในละแวกโรงงาน รวมถึงการบริหารจัดการโรงงานโดยรวมอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ระบบโรงงานอัจฉริยะมีส่วนช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน2030+ Sustainability Ambition Framework ซึ่งมีเป้าหมายระยะยาวใน 3 ด้าน ได้แก่ การช่วยฟื้นฟูโลก ทำให้ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และสนับสนุนพันธมิตรที่เชื่อถือได้เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าต่อไป

ปัจจุบัน เฮงเค็ล ประเทศไทย ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่โรงงานบางปะกง และมองหาแนวทางอื่นๆ เพื่อลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำ และลดการเกิดของเสียในโรงงานเพิ่มอีกด้วย

นายแอนเดรียนโต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เฮงเค็ลจะขับเคลื่อนกิจกรรมที่เกี่ยวกับโรงงานอัจฉริยะและอุตสาหกรรม 4.0ให้มากขึ้น ตั้งแต่การวางแผน การจัดหาและการผลิต ไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น นอกจากนี้จะใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง โดยเฮงเค็ลมุ่งมั่นที่จะผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อัจฉริยะมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น พร้อมกับสร้างโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้”

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า เฮงเค็ลยังคงให้ความสำคัญและไม่หยุดที่จะพัฒนาระบบโรงงานอัจฉริยะต่อไป เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการผลิต ลดต้นทุนและการสูญเสียในการผลิต ลดการใช้พลังงาน และยังช่วยพัฒนาระบบความปลอดภัยในการทํางาน ฯลฯ ซึ่งผลดีที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่ยังไม่ได้ปรับตัวต้องหันกลับมาพิจารณานําแนวทางอุตสาหกรรม 4.0 มาปรับใช้เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อนาคต


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save