สภาองค์กรของผู้บริโภคจี้ กสทช.ชุดใหม่กรณีควบรวมกิจการทรู – ดีแทค ย้ำอย่าทำให้สังคมผิดหวัง


เมื่อเร็วๆ นี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้จัดเวทีเสวนาวิชาการ Consumers Forum EP.2 : “Public Policy & Telecom Mergers: Ramifications on Competition and Consumers Protection : นโยบายสาธารณะกับปัญหาการควบรวมกิจการโทรคมนาคม” เพื่อชวนผู้บริโภคมาร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นในประเด็นการควบรวมกิจการ ที่ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ให้บริการค่ายมือถือในประเทศไทย จาก 3 ราย เหลือเพียง 2 ราย ซึ่งจะมีส่วนแบ่งตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยถึงร้อยละ 52 ถือเป็นการผูกขาดหรือไม่ และผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด

โดยมีสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาองค์กรของผู้บริโภค สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล พิชัย นริพทะพันธุ์ พรรคเพื่อไทย และ นพ.ระวี มาศฉมาดล พรรคพลังธรรมใหม่ ร่วมเสวนาถึงผลกระทบต่อประเทศและนโยบายพรรคการเมืองต่อปัญหาการควบรวมกิจการโทรคมนาคม 

สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสารฯ สภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งให้มุมมองจากประสบการณ์กรณีที่ DTAC (ดีแทค) ออกมาประกาศการควบรวมกิจการโทรคมนาคมกับ TRUE (ทรู) สุดท้ายเชื่อว่า เรื่องนี้จะจบลงที่ศาลปกครองและกินเวลายาวนาน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะฟ้องใคร ฉะนั้น จึงขอให้กำลังใจ กสทช. ชุดใหม่ทำงานอย่างเข้มแข็ง กล้าหาญ โปร่งใส และตรงไปตรงมา  

“กรณีที่กสทช.ชุดที่แล้ว อ้างว่าคณะกรรมการไม่มีอำนาจในการยับยั้งการควบรวมกิจการของสองบริษัทโทรคมนาคม  ทั้งนี้กสทช. ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ควรทำให้สังคมผิดหวัง เพราะสังคมลงทุนสร้าง กสทช. ให้มีอิสระ มีงบประมาณ มีสวัสดิการดี หากคุณยืนธงไม่มีอำนาจ จึงเป็นเรื่องรับไม่ได้ ” ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสารฯ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าว  

      สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า การควบรวมทรู – ดีแทคนั้น ขัดกับกฎหมาย 3 ฉบับ ทั้งกฎหมาย กสทช. กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ฉะนั้น สิ่งที่สภาองค์กรของผู้บริโภคจะขับเคลื่อนต่อไป คือ การไปให้ความคิดเห็นในเวที กสทช. อีกรอบหนึ่ง และหวังว่า กสทช. จะใช้ข้อมูลทั้งหมดตัดสินใจอย่างรอบคอบ 

ในความเห็นของตัวแทนพรรคการเมือง ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ ให้ข้อมูลถึงกรณีการควบรวม ทรู – ดีแทค จะทำให้ดัชนีการกระจุกตัว (Herfindahl-Hirschman Index : HHI) สูงขึ้นเกินค่ามาตรฐาน คือ 2,500 และส่งผลให้การแข่งขันลดลงจริงหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า ค่าดัชนี HHI ปัจจุบันอยู่ที่ 3,575 ซึ่งเกินค่ามาตรฐานอยู่แล้ว ดังนั้น เห็นว่า ดีลครั้งนี้จะไม่ทำให้การแข่งขันลดลง ทางกลับกันจะเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีตลอดเวลา ผลประโยชน์ตกกับผู้บริโภค คุณภาพสัญญาณดีขึ้น มีศูนย์บริการเพิ่มขึ้น  

“การควบรวมทรู – ดีแทค จะทำให้มีผู้ประกอบการมีขีดความสามารถใกล้เคียงกัน มีการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม กสทช.ก็ต้องเร่งออกระเบียบให้ผู้ประกอบการทุกราย ทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (MNO) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน (MVNO) และ ธุรกิจที่ใช้ความสามารถของแอปพลิเคชันผนวกเข้ากับการใช้ช่องทางการสื่อสารในธุรกิจโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมกระจายเสียงแพร่ภาพ อาทิ ไลน์ เฟซบุ๊ก (OTT) ให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม เสียภาษีเหมือนกัน ไม่ปล่อยให้มีการขนรายได้จำนวนมากกลับประเทศของตน โดยไม่เสียภาษีให้รัฐบาลไทยดังปัจจุบัน”ดร.สามารถ กล่าว

พิชัย นริพทะพันธุ์ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มติพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการทรู – ดีแทค ด้วยมองว่า จะสร้างปัญหาให้กับประเทศในหลาย ๆ เรื่อง เพราะการเหลือผู้เล่นในตลาดน้อยราย จะทำให้ราคาค่าบริการจะเพิ่มขึ้นและผู้บริโภคได้รับผลกระทบแน่นอน อย่างไรก็ตาม พรรคไม่เห็นด้วยกับการผูกขาดในทุกธุรกิจ การมีผู้ประกอบการมากรายเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์มากกว่า การมีอิทธิพลมากเกินไปจะไปกีดกันผู้ประกอบการใหม่ ๆ ไม่ให้เติบโต

พร้อมกันนี้ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของ กสทช. ชุดที่แล้วที่เปลี่ยนกฎจากการมาขออนุญาตควบรวมกิจการ เป็นแจ้งให้ทราบว่าแปลกประหลาด เนื่องจาก กสทช. ไม่มีสิทธิไปห้ามการควบรวมหรือไม่ควบรวมกิจการ ถือเป็นการลดอำนาจตัวเอง จึงตั้งคำถามว่า รับใบสั่งมาหรือไม่ถึงออกประกาศมาแบบนี้  

“ผมเชื่อว่ารัฐบาลสามารถหยุดยั้งดีลเรื่องนี้ได้ ขอให้ทำจริงจังไม่ต้องเกรงใจเจ้าสัว เรายังมีทางเลือกอื่น ๆ เช่น รัฐอาจเปิดเสรีให้ผู้ให้บริการค่ายมือถือที่อยู่ในต่างประเทศเข้ามา หรืออาจให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เข้ามาซื้อกิจการ โดยร่วมกับผู้ให้บริการค่ายมือถือที่อยู่ต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญก็ได้” พิชัย ระบุ

ศิริกัญญา ตันสกุลตัวแทนจากพรรคก้าวไกล กล่าวถึงจุดยืนที่คัดค้านไม่อยากให้ดีลควบรวมกิจการนี้เกิดขึ้นโดยเชื่อว่า ตลาดที่เสรีและเป็นธรรมจะช่วยคุ้มครองผู้บริโภคได้เอง ดังนั้น ผู้กำกับดูแลต้องคิดถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก การควบรวมนี้จะเกิดการกระจุกตัว เหลือผู้ให้บริการค่ายมือถือเพียง 2 เจ้า ซึ่งที่ผ่านมามีผลการศึกษา พบว่า การควบรวมกิจการโทรคมนาคมจะทำให้ค่าบริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ยิ่งไปซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ขณะที่ลูกค้าที่เป็นบริษัทก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย กลายเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการเช่นกัน

ทั้งนี้ ศิริกัญญา ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีการควบรวมทรู – ดีแทค ว่า กสทช. ได้ตั้งที่ปรึกษาอิสระขึ้นมา เป็นบริษัทหลักทรัพย์ ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนโยบายสาธารณะและการแข่งขันทางการค้าเลย ดังนั้น จึงต้องการฝากเรื่องไว้กับ กสทช. ชุดใหม่ ขณะเดียวกันการบ้านที่ต้องทำต่อจากนี้ คือ การแก้ไขกฎระเบียบ แก้ไขกฎหมาย รวมถึงการสร้างความเข้าใจ สร้างความตื่นตัวของผู้บริโภค การควบรวมกิจการโทรคมนาคมครั้งนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ผู้บริโภคกลับมีการตื่นตัวต่อประเด็นนี้น้อยมาก 

นพ.ระวี มาศฉมาดล ตัวแทนจากพรรคพลังธรรมใหม่ แสดงความเห็นด้วยกับการส่งเสริมการค้าเสรีที่เป็นธรรมพร้อมยืนยันว่า ปลาเล็กต้องไม่กินปลาใหญ่ ปลาทุกตัวต้องอยู่ร่วมกันในบ่อน้ำของประเทศไทยได้ ซึ่งข้อดีของการควบรวมทรู – ดีแทค แม้จะทำให้ธุรกิจนี้มีต้นทุนต่ำลง มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ทำธุรกิจสู้กับต่างชาติได้ แต่โจทย์ คือ ราคาค่าบริการจะถูกลงหรือไม่ ขณะที่ข้อเสียของการควบรวมดังกล่าวมีสัญญาณอันตรายจะเกิดการผูกขาด การแข่งขันจะไม่เสรี การแข่งขันน้อยลง และเป็นอุปสรรคต่อลูกค้ารายใหม่ที่จะเข้ามาแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมของไทย 

“หลักการเรื่องนี้เราเห็นว่ารัฐบาลไทยต้องมีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตเรื่องการควบรวม รัฐต้องกำกับดูแลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ผมไม่เห็นด้วยต่อการควบรวมกิจการครั้งนี้ เร็ว ๆ นี้ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคม ระหว่าง True และ Dtac และการค้าปลีก-ค้าส่ง มีมติจะส่งข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรีขอให้มีการชะลอ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ พร้อมขอให้มีการศึกษาและพิจารณาข้อดี-ข้อเสียให้รอบคอบ รอบด้านก่อน พร้อมกันนี้เราคาดหวังกสทช.ชุดใหม่ด้วยว่า การพิจารณาดีลฯ นี้จะไม่จบลงแบบมวยล้มต้มคนดู” นพ.ระวี กล่าวทิ้งท้าย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save