ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ แจงผลประกอบการ Q1เติบโตต่อเนื่องท้าทายวิกฤต COVID-19 รับรู้รายได้ 1,524 ล้าน กำไรสุทธิ 320 ล้าน เพิ่มขึ้นเกือบ 30%


ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ แจงผลประกอบการ Q1เติบโตต่อเนื่องท้าทายวิกฤต COVID-19  รับรู้รายได้ 1,524 ล้าน กำไรสุทธิ 320 ล้าน เพิ่มขึ้นเกือบ 30%

บริษัท  ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)  ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2564  ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเหนือภาพรวมอุตสาหกรรม   สามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  รวมทั้งยังคงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี   ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%

ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า แม้จะมีปัจจัยลบจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกสอง จากกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งเริ่มระบาดตั้งแต่ช่วงปลายปีพ.ศ. 2563 ต่อเนื่องมายังต้นปีพ.ศ. 2564 นี้   แต่ลลิลฯ มีการบริหารงานอย่างมืออาชีพ  เน้นตลาด Real Demand  และใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขัน  โดยใส่ใจทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า คุณภาพของการบริการ  ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าได้ในราคาที่คุ้มค่า จึงช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้แม้ในสภาวะที่ตลาดโดยรวมไม่เติบโต

โดยในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯ สามารถบริหารงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้  มียอดรับรู้รายได้จาการขายที่ 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สวนทางกับภาวะอุตสาหกรรมที่หดตัวลง    นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการจัดการต้นทุนต่างๆ ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.1%   ในขณะที่การบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น        มีการใช้ E-Marketing ที่เพิ่มมากขึ้น   ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขาย ปรับลดลงจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4.5% ในไตรมาสปัจจุบัน   ส่งผลให้ในไตรมาส1 ปีพ.ศ. 2564 นี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%

ไชยยันต์  กล่าวว่า ในแง่การบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงิน  บริษัทฯ มีการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม มีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว   ตลอดจนมีวงเงินสำรองที่ยังไม่เบิกใช้อีกกว่า 2,500 ล้านบาท   โดยบริษัทณ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าบริษัทฯ จะมีการลงทุนขยายโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 5 – 6 ปีที่ผ่านมา มีอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio ณ สิ้นไตรมาสแรก เพียง 0.64 เท่า  ซึ่งนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งอยู่ที่ราว 1.5 เท่าอย่างมาก

สำหรับแผนขยายธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่จำนวน 10 – 12 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 – 7,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเปิดโครงการเพื่อการทดแทนโครงการเดิมที่จะทยอยปิดโครงการไป

“ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 3,550 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ รวมเป็นมูลค่าโครงการทั้งสิ้นราว 4,600 ล้านบาท ทั้งนี้ในการขยายธุรกิจ บริษัทฯ ดำเนินการด้วยระมัดระวัง มีการทยอยเปิดโครงการเพื่อประเมินผลตอบรับของตลาด มีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีการแพร่ระบาดระลอกสามเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์” ประธานกรรมการบริหาร  ลลิล กล่าวทิ้งท้าย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save