บ๊อช ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก เผยผลประกอบการประจำปี พ.ศ. 2565 มียอดขายเติบโตอยู่ที่ 397 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 14,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากปี พ.ศ.2564 โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มยานยนต์ทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ
ในปี พ.ศ.2566 นี้ บ๊อช ประเทศไทย เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษ คือ งานวิ่งการกุศลเพื่อต่อยอดแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนสู่อนาคต ในโอกาสครบรอบ 100 ปีการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ บ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี พ.ศ. 2565 มียอดขายเติบโตอยู่ที่ 397 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 14,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากปี พ.ศ.2564 สำหรับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานในตลาดที่ฟื้นตัวภายหลังจากเกิด COVID-19 การลงทุนของบริษัทฯ ที่เติบโตขึ้น 18% คิดเป็นมูลค่า 32.2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 1,200 ล้านบาท และการมีส่วนร่วมของพนักงาน 1,500 คน ในประเทศไทยที่ร่วมกันทำงานอย่างเข้มแข็ง โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มยานยนต์ทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ จากการที่บ๊อช เริ่มทำการผลิตระบบเบรก ABS ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของ ปี พ.ศ.2565 สำหรับจักรยานยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิตระบบ ABS ของจักรยานยนต์แห่งที่สามในโลกของบ๊อชในช่วงไตรมาสที่สองของปี พ.ศ.2565 เพื่อตอบรับความต้องการระบบความปลอดภัยที่มากขึ้นในตลาดอาเซียน
การขยายไปสู่การผลิต ABS สำหรับรถจักรยานยนต์ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบ๊อชในฐานะผู้นำตลาดโมบิลิตี้ในประเทศไทย โดยบ๊อชได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญในการผลิต ABS สำหรับรถ 4 ล้อที่โรงงานแห่งเดียวกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 มาใช้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรถสองล้อของตลาดอาเซียน ทำให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยนำซอฟต์แวร์ในการผสานรถยนต์เข้ากับโลกดิจิทัล เปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าจากที่ใช้ฮาร์ดแวร์เป็นขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ รวมคุณสมบัติการเชื่อมต่อ ระบบอัตโนมัติ และการปรับแต่งคุณสมบัติให้เป็นส่วนตัว จะมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ บ๊อชได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการบริการ เพื่อนำเสนอโซลูชันการขับเคลื่อนได้อย่างสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้การเดินทางปลอดภัยขึ้น น่าตื่นเต้นขึ้น และยั่งยืนมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
โจเซฟ ฮง กล่าวว่า รถยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ระบบควบคุมไดนามิกส์ของรถยนต์ 2.0 ของบ๊อช นำเสนอแนวคิดการควบคุมอัจฉริยะ ทำให้แอคทูเอเตอร์ เช่น เบรก พวงมาลัย ระบบส่งกำลัง และระบบช่วงล่างสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการคาดคะเนพฤติกรรมของรถยนต์ และการแทรกแซงในเชิงรุก ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และมอบประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีโซลูชันบนระบบคลาวด์ของบริษัทฯ ซึ่งแบตเตอรี่ในระบบคลาวด์ เป็นโซลูชันเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อจัดการแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดีขึ้น โดยแบตเตอรี่ในระบบคลาวด์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ อายุการใช้งาน และความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบ๊อช ประกอบด้วยกล้องวิดีโอรักษาความปลอดภัยที่ built-in AI กล้องตรวจจับเปลวไฟและควันไฟ (AVIOTEC) ระบบจัดการการเข้าออก (AMS) ระบบประกาศสาธารณะและระบบแจ้งเตือนอพยพฉุกเฉินด้วยเสียงแบบ IP (PREASSENSA) โดยโซลูชันเหล่านี้สามารถทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการให้ข้อมูลเชื่อมถึงกัน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบความปลอดภัยมีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น และเป็นการยกระดับความปลอดภัยของชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น
โดยในปีพ.ศ.2565 บ๊อชได้ร่วมมือกับหลายๆ เมือง ในการติดตั้งกล้องวิดีโอรักษาความปลอดภัยหลายพันตัวในหลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ และระยอง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่เมือง ด้วยคุณภาพของภาพที่มีความคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน การวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะในการตรวจนับยานพาหนะ การตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ ซึ่งจะช่วยบริหารจัดการจราจร ช่วยสืบสวนอาชญากรรม อุบัติเหตุ และการละเมิดกฎจราจรได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ในปี พ.ศ. 2565 บ๊อชได้ส่งมอบหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดโรงงานอัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อช่วยลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และรับประกันความปลอดภัยในระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังส่งเสริมการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากร ด้วยเทคโนโลยีไฮดรอลิก เช่น การจัดหาเครื่องสูบน้ำแบบจุ่มเคลื่อนที่ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ สำหรับโครงการน้ำท่วมและการชลประทานในประเทศไทย โดยเครื่องสูบน้ำเหล่านี้ล้วนออกแบบให้ง่ายต่อการติดตั้ง และการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น พื้นที่ข้างคลองในเขตเมืองหรือชนบทที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม หรือการชลประทานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ในปี พ.ศ. 2566 บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายโซลูชันนี้ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยและสปป.ลาว อีกด้วย” โจเซฟ ฮง กล่าว
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2565 บ๊อชได้ใช้อีคอมเมิร์ซในการผลักดันยอดขายเครื่องมือไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และอะไหล่รถยนต์ของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างน่าประทับใจ โดยเครื่องมือไฟฟ้าของบ๊อชมีรายรับที่ดีดตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุปกรณ์ไร้สาย 18V ซึ่งได้แรงหนุนจากแคมเปญ PROMIX ออนไลน์ มอบแบตเตอรี่ 18V ให้กับผู้ใช้ฟรี และแอปพลิเคชัน “BeConnected” ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและยังมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ผู้ใช้ เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าบ๊อชได้รับแรงหนุนจากแคมเปญ “Like a Bosch” และการขยายช่องทางการขายที่ครอบคลุมถึงออนไลน์ การรวมคุณสมบัติ HomeConnect ช่วยให้สามารถควบคุมสมาร์ทโฟน
ส่วนแผนกอะไหล่รถยนต์ ก็เติบโตขึ้นจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ บวกกับการเพิ่มความหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น และครอบคลุมตลาดที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศไทย
ในโอกาสครบรอบ 100 ปี การเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี พ.ศ.2566 นี้ บ๊อชเตรียมจัดกิจกรรมพิเศษ คือ งานวิ่งการกุศล “BOSCH 100th ANNIVERSARY CHARITY RUN” ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2566 ณ สวนน้ำรามายณะ จังหวัดชลบุรี โดยรายได้จำนวน 100,000 บาท สมทบทุนมูลนิธิ Hand2Hand (มูลนิธิมือต่อมือ พัทยา) เพื่อแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กๆและต่อยอดแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนสู่อนาคต