บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูชั้นนำของประเทศไทย เผยโครงการ “เดอะ ลอฟท์ สีลม” มียอดขายแล้วประมาณ 75% จากจำนวนโครงการทั้งหมดที่มีอยู่ 268 ยูนิต แบ่งเป็นยอดขายนักลงทุน 40% และยอดขายผู้อยู่อาศัยเอง 35% ส่วนจำนวนห้องที่เหลือคาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการได้ภายในปี พ.ศ. 2563
ไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML กล่าวว่า โครงการเดอะ ลอฟท์ สีลม คอนโดมิเนียม High Rise ระดับซูเปอร์ลักซัวรี่ สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Symphony of Life” โดยนำความเป็นธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวมาสู่ใจกลางเมือง มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบ “ไพร์ม” (Prime ) เน้นความสดใส สว่าง เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตในเมือง สไตล์สแกนดิเนเวีย, แบบ “มิดไนท์” (Midnight) เน้นเฉดสีเข้ม ให้ความรู้สึกเงียบสงบ และแบบ “ดอว์น” (Dawn) แนวคลาสสิค โดยเลือกใช้วัสดุโทนสีน้ำตาลที่สื่อถึงความรู้สึกของธรรมชาติที่อบอุ่น สำหรับตัวโครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ 10 ตารางวา หรือ 3,240 ตารางเมตร มีความสูง 37 ชั้น ความสูงเพดานมีตั้งแต่ 3-5.6 เมตร จำนวน 1 อาคาร จำนวนห้องทั้งหมด 268 ยูนิต แบ่งเป็น ห้อง High Ceiling Hybrid ชั้น 9-18 เพดานสูง 4.7 เมตร มีแบบสตูดิโอและแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 32-58.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 8.96 ล้านบาท, ห้อง Simplex ชั้น 19-28 เพดานสูง 3 เมตร มี 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 45.5-84.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 11.85 ล้านบาท, ห้อง Duplex ชั้น 29-33 เพดานสูง 5.6 เมตร มี 2 แบบ คือ แบบ 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 108.5-113.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 27.9 ล้านบาท และห้อง Penthouse ชั้น 35-37 เพดานสูง 5 เมตร มี 4 ห้องนอน และมีค่าใช้จ่ายส่วนกลางรายเดือนที่ 90 บาทต่อตารางเมตร ชำระล่วงหน้า 12 เดือน มูลค่ารวมโครงการทั้งหมด 3,500 ล้านบาท มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 230,000 บาทต่อตารางเมตร
ด้านทำเลที่ตั้งโครงการ เดอะ ลอฟท์ สีลม ตั้งอยู่ในซอยประมวญ ถนนสีลม ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์ประมาณ 430 เมตร, ใกล้ MRT สีลม และใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชเพียง 600 เมตร นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญรอบ ๆรายล้อม เช่น โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลม, โรงพยาบาลเลิดสิน, เอ็มไพร์ ทาวเวอร์, อาคารสาทรธานี, สาทร ซิตี้ ทาวเวอร์, เอไอเอทาวเวอร์, ตึกมหานคร, อาคาร ITF, ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ เป็นต้น โดยขณะนี้มียอดขายประมาณ 75% จากจำนวนห้องทั้งหมด 268 ยูนิต แบ่งเป็นยอดขายนักลงทุนทั้งชาวต่างชาติและคนไทย 40% และยอดขายผู้อยู่อาศัยเองทั้งชาวต่างชาติและคนไทย 35% ส่วนจำนวนห้องที่เหลือคาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการได้ภายในปีนี้
“สำหรับยอดโอนทั้งหมดที่ขายไปแล้วนั้น ขณะนี้ได้เริ่มทยอยโอนห้องให้แก่ลูกบ้านแล้วกว่า 35% และคาดว่าสิ้นปีจะสามารถทยอยโอนห้องพักให้กับลูกค้าได้ประมาณ 50% เนื่องจากติดสถานการณ์ COVID-19 ลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติยังไม่สะดวกที่จะเดินทางเข้ามาทำการโอนรับห้องพัก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไรมอน แลนด์ กล่าว
นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่ส่วนกลางที่ได้รับการออกแบบครบครัน เช่น พื้นที่สนามเด็กเล่น, สวนขนาดใหญ่, สวนสมุนไพรส่วนกลางบริเวณ ชั้น 9, ห้องสำหรับใช้อ่านหนังสือวิวสวน, ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าเพดานสูงพร้อมวิวเมืองมุมกว้าง, พื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้สำหรับผู้อยู่อาศัย, ห้องอบไอน้ำสำหรับชายและหญิง, สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก, สระว่ายน้ำระบบกรองน้ำบริสุทธิ์ที่มีค่า PH เป็นกลางทุกสระ, สระว่ายน้ำไร้ขอบ 25 เมตร พร้อมวิวเมืองมุมกว้าง, สัญญาณ Fi-Wi ในบริเวณล็อบบี้, มีพื้นที่จอดรถได้ถึง 204 คัน คิดเป็น 76% ของจำนวนยูนิตในโครงการ ไม่รวมจอดซ้อนคัน บริเวณชั้น 2-8 และพื้นที่สระว่ายน้ำและระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ด้วยระบบกล้องวงจรปิด พร้อมคีย์การ์ดเพื่อเข้า-ออกโครงการเฉพาะชั้น
ไลโอเนล ลี กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ว่า ทางไรมอน แลนด์ ได้มีการปรับตัวด้วยการทำการตลาดออนไลน์ทั้งการแชทและวิดีโอคอลคุยกับลูกค้ามากขึ้น ด้วยการนำ Raimon-iConnect เข้ามาให้บริการ ทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับบริษัทได้ง่าย สามารถชมห้องตัวอย่างได้ 360 องศา เสมือนเข้าเยี่ยมชมโครงการในสถานที่จริง เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากที่สุด และคาดว่าจะทำการปรับแผนการตลาดของบริษัทในทุก ๆ โครงการอีกครั้งประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เพื่อรองรับการแข่งกันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายอีกครั้ง