กรุงเทพฯ ประเทศไทย 22 มีนาคม 2567 – บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) บริษัทในเครือของเดลต้า กรุ๊ป เปิดตัวโรงงานเดลต้าแห่งที่ 8 และศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมบางปู ประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขยายการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของเ ดลต้าไปยังลูกค้าระดับโลก โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมด้วยกระทรวง อุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมพิธีเปิดเพื่อเป็นสักขีพยานความสำเร็จครั้งใหม่ของการเดินทางตลอ ด 35 ปีของเดลต้าในประเทศไทย ทั้งนี้ผู้บริหารของเดลต้าจากสำนักงานใหญ่ พันธมิตรในอุตสาหกรรม และสื่อมวลชนยังได้เข้าร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ พร้อมร่วมสำรวจสายการผลิตขั้นสูงของเดลต้าอีกด้วย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษภายในงานว่า รัฐบาลยินดีกับการเปิดโรงงานใหม่นี้ และยินดีสนับสนุนเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย ในฐานะผู้ส่งออกและผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ โดยบริษัทฯ พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายของไทย โดยบริษัทได้ประกาศลงทุนและจะช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมน ตรีที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) และศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาตลอด 35 ปี สำหรับเดลต้า ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 เราได้ผลิตผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในป ระเทศไทย โดยโรงงานเดลต้าแห่งใหม่แห่งที่ 8 ของเรามีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการปริมาณยานยนต์ไฟฟ้าที่ เพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ของเราจะช่วยพัฒนาเพาเวอร์อิเล็กทรอ นิกส์สำหรับยานยนต์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการลงทุนที่สำคัญในครั้งนี้จะนำประโยชน์มากมายมาสู่ อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย รวมทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของเดลต้ามีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์การจั ดการพลังงาน รวมถึงเครื่องชาร์จในตัว ตัวแปลง DC/DC และผลิตภัณฑ์ระบบส่งกำลัง รวมทั้ง Traction inverter และ Traction motor ตลอดจนโซลูชันการจัดการความร้อนและอุปกรณ์ที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง Passive component โดยเดลต้ามีลูกค้าระดับโลก ได้แก่ ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เดลต้า ประเทศไทยได้ผลิตผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้าทั่วโล กที่โรงงานเดลต้า 1 ด้วยพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ปัจจุบันโรงงานแห่งใหม่และศูนย์วิจัยและพัฒนาทั้ง 2 แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 30,400 ตารางเมตร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเ ร็วของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพของเดลต้าครอบคลุ มทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับและจัดเก็บวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการผลิตต่างๆ เช่น ขั้นตอนการวางชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บนแผงวงจร (SMT) ขั้นตอนการประกอบแผงวงจร (PWBA) การประกอบชิ้นส่วนต่างๆและการ burn-in พร้อมทั้งการตรวจสอบสินค้าขั้นสุดท้ายก่อนการส่งออก
การลงทุนมูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาทสำหรับโรงงานแห่งที่ 8 และศูนย์วิจัยและพัฒนาครั้งนี้แสดงโซลูชันอาคารอัจฉริยะและการผลิต อัจฉริยะที่ประหยัดพลังงานของเดลต้า ยกระดับความสามารถในการผลิตและมาตรฐานการผลิต เนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปีของการพัฒนา เดลต้า ประเทศไทยเป็นบริษัทหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับให้ อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในหมวด “ชิ้นส่วนอุปกรณ์ เครื่องมือ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์” ตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2566 และได้รับรางวัลผู้นำด้านการมีส่วนร่วมของซัพพลายเออร์ ประจำปี 2565 จาก CDP ในด้านความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน ณ เวลานี้ เดลต้า ประเทศไทย กำลังเดินหน้าสู่ก้าวใหม่ของการเติบโต ด้วยการขยายขอบเขตการวิจัยและพัฒนา การผลิต และธุรกิจในตลาดท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนการพัฒนาในอุตสาหกรรม S- curve ของประเทศไทย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออ กเฉียงใต้