“สกาย ไอซีที” เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปีพ.ศ.2564 แกร่ง ทำรายได้ 986 ล้านบาท เติบโต 37% เทียบไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา หลังโครงการใหม่ในมือทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง เดินหน้าไตรมาส 2 ประมูลงานใหม่ พร้อมเปิดตัว Smart Security Platform และทิศทางบุกภาคเอกชนมิถุนายนนี้ หวังสร้างโอกาสกระจายรายได้ ชี้ Backlog แกร่ง 19,700 ล้านบาท หนุนผลงานโต 30% ตามเป้าหมาย
สิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY บริษัท Tech Company เต็มรูปแบบที่เน้นการพัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ให้ลูกค้าอย่างครบวงจร กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 986 ล้านบาท เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2563 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14 ล้านบาท ถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ ในสภาวะที่ช่วงต้นไตรมาสได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่
ปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ มาจากการส่งมอบงานและให้บริการในหลายโครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อควบคุมการตรวจคนเข้าเมือง ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 2.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบ ICT และ Health Tech เพื่อส่งเสริมการรักษาพยาบาลและเพิ่มศักยภาพการรับมือของไวรัส COVID -19 3.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบกล้องอ่านแผ่นป้ายทะเบียนอัตโนมัติ (License Plate) ใน 4 พื้นที่ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ให้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบติดตามตรวจสอบตำแหน่งและเส้นทางรถยนต์ด้วยสัญญาณดาวเทียม ระบบครุภัณฑ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงพร้อมอุปกรณ์ และระบบกล้องอ่านแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติแบบเคลื่อนที่ ให้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 5.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบริเวณพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ใน 4 พื้นที่ได้แก่ กรุงเทพฯ ใต้ กรุงเทพฯ เหนือ กรุงเทพฯกลาง และกรุงธนใต้ ให้กับกรุงเทพมหานคร 6.โครงการจ้างให้บริการระบบผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System CUPPS) ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในไตรมาสนี้
สิทธิเดช กล่าวต่อว่า สำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาพัฒนาโซลูชันใหม่ “Smart Security Platform” รุกตลาดภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ และเซ็กเตอร์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น กระจายรายได้และสร้างความยั่งยืนในการเติบโต คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโซลูชันดังกล่าว พร้อมทิศทางการบุกภาคเอกชนได้ในช่วงปลาย มิ.ย.นี้
“วันนี้ เทคโนโลยีและ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกมากขึ้น ความต้องการด้านเทคโนโลยีของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ไปจนถึงผู้บริโภค จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชี่ยวชาญที่เรามีในธุรกิจด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถขยายโอกาสสู่ New S-Curve และสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกภาคส่วนได้อย่างแข็งแกร่ง” สิทธิเดช กล่าว
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2563 บริษัทฯ ได้ทำสัญญาและมีงานที่รอส่งมอบตามสัญญาในอนาคตอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 19,700 ล้านบาท ประกอบกับแผนการประมูลงานใหม่และการขยายธุรกิจบุกภาคเอกชน เชื่อมั่นว่าสิ้นปีนี้ รายได้ของบริษัทฯ จะยังเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 30% จากปีที่ผ่านมา