กรุงเทพฯ – 28 กุมภาพันธ์ 2563 : ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ พร้อมด้วย ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันแถลงข่าว จุฬาฯ เปิดโครงการผลิตบัณฑิตแพทย์ 2 ปริญญา ภายในเวลา 6 ปี ปริญญาตรี แพทย์ –ปริญญาโท วิศวกรรมชีวเวช ณ ห้องเธียเตอร์ ชั้น 1 อาคารหอสมุดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงวิสัยทัศน์ และรายละเอียดการเปิดโครงการผลิตบัณฑิตแพทย์ 2 ปริญญานี้ว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์ที่มีคุณธรรม และสร้างมาตรฐานระดับนานาชาติ โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 ทางสถาบันได้มีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมุ่งเพิ่มช่วงเวลาที่นิสิตสามารถเลือกเรียนวิชาเลือก วิชาที่ตนเองสนใจได้มากขึ้น เพื่อให้นิสิตค้นพบตัวเอง รวมถึงเสริมสร้างความถนัดในด้านที่ตนเองต้องการ เช่น ด้านวิจัย ด้านบริหาร ในปีพ.ศ.2563 นี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลง และการเริ่มต้นครั้งใหม่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดโครงการหลักสูตรควบข้ามระดับข้ามศาสตร์ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิศวกรรมชีวเวช ซึ่งมีจุดเด่นคือ บัณฑิตที่จบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต และ ปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิศวกรรมชีวเวช โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษาเพียง 6 ปี เป็นหลักสูตรมุ่งผลิตบัณฑิตที่เชี่ยวชาญทั้งสาขาแพทยศาสตร์ และวิศวกรรมชีวเวช ให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานวิชาการ องค์ความรู้ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเหมาะสำหรับนิสิตแพทย์ที่มีศักยภาพ และความสนใจด้านวิศวกรรมชีวเวช ต้องการเป็นแพทย์นักวิชาการ นักวิจัยชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสาขาแพทยศาสตร์และวิศวกรรมชีวเวช ที่สร้างสรรค์ผลงานวิชาการ องค์ความรู้ วิจัยและนวัตกรรมต่อไป
“นิสิตในโครงการนี้ จะเรียนรายวิชาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2560) เช่นเดียวกับนิสิตแพทย์คนอื่น โดยนิสิตสามารถเลือกลงทะเบียนเรียนรายวิชาการศึกษาทั่วไป วิชาเฉพาะเพื่อส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียน และ/หรือเลือกเสรีในสาขาวิชาวิศวกรรมชีวเวช ที่คณะกรรมการบริหารหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตให้การรับรองได้ตามความสนใจ เพื่อเป็นวิชาพื้นฐานสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาโท และเมื่อเรียนรายวิชาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตครบ 120 หน่วยกิต และมีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการบริหารหลักสูตรกำหนด จะมีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิศวกรรมชีวเวช ที่ใช้เวลาเรียนไม่น้อยกว่า 2 ปีได้ จากนั้นนิสิตที่ได้รับการคัดเลือก จะเรียนรายวิชาชั้นปีที่ 4-6 ในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตร่วมกับนิสิตในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตคนอื่นควบคู่ไปกับการสัมมนา และการทำวิทยานิพนธ์ในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต ในช่วงเวลาวิชาเฉพาะเพื่อส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียน หรือช่วงนอกเวลา” ศ.นพ.สุทธิพงศ์ กล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียน จะจัดเก็บค่าเล่าเรียนทั้งสองหลักสูตรในอัตราตามประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง อัตราการเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียน และเงินเรียกเก็บประเภทอื่นๆ สำหรับนิสิต ในส่วนของแผนการรับนิสิต โครงการฯ จะคัดเลือก และให้ทุนแก่นิสิตในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เข้าศึกษาในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมชีวเวช 10 คน ต่อปีการศึกษา
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ กล่าวถึงการรับสมัครนิสิตเข้าสู่โครงการว่า สำหรับนิสิตในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตปัจจุบันชั้นปีที่ 1 และ 2 คาดว่าจะสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ในปีการศึกษา 2563 เป็นต้นไป และในส่วนของผู้ที่สนใจเข้าศึกษาในโครงการที่เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถสมัครสอบคัดเลือกได้ตามระบบ TCAS รอบที่ 1-3 โดยสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันเริ่มสมัครผ่านระบบ TCAS63 ในวันที่ 17-27 เมษายน 2563
ด้าน ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หลักสูตรสหสาขาวิศวกรรมชีวเวช คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เป็นหลักสูตรบัณฑิตศึกษาที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2549 โดยริเริ่มขึ้นจากความร่วมมือหลักระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์
จุดเด่นของหลักสูตรวิศวกรรมชีวเวชคือ ความร่วมมือที่เข้มแข็งของทั้งสองคณะ ที่ร่วมกันพัฒนาโจทย์วิจัยที่ท้าทาย และตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาที่พบอยู่จริงในการแพทย์ในปัจจุบัน นิสิตที่เรียนในหลักสูตรฯ จะมีอาจารย์ที่ปรึกษา 2 ท่าน ท่านหนึ่งจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และอีกท่านหนึ่งจากคณะแพทยศาสตร์ซึ่งเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี และเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของเทคโนโลยีการแพทย์
นอกจากนี้ หลักสูตรยังได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ของคณะวิทยาศาสตร์สายสุขภาพอื่นๆ อีกด้วย อาทิ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และ คณะสหเวชศาสตร์ เป็นต้น
ทั้งนี้หลักสูตรวิศวกรรมชีวเวช ประกอบไปด้วย 6 สาขาวิจัย ได้แก่ สาขา Medical Instruments and Biosensors, สาขา Biomechanics, สาขา Rehabilitation, สาขา Medical Imaging, สาขา Tissue engineering and Drug delivery system และสาขา Bioinformatics ซึ่งทั้ง 6 สาขาวิจัยนี้ ครอบคลุมเทคโนโลยีการแพทย์ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย วิเคราะห์โรค การรักษาโรค การฟื้นฟูผู้ป่วย รวมถึงการป้องกันการเกิดโรค
“จะเห็นได้ว่า ทุกศาสตร์ทุกสาขาของแพทย์ ล้วนใช้ศาสตร์วิศวกรรมชีวเวชเข้าไปช่วยพัฒนาได้ทั้งสิ้น ที่ผ่านมาหลักสูตรเราได้สร้างสรรค์ Research Innovations จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Medical Device, Sensor ตรวจวัดค่าต่างๆ ที่บ่งชี้การเกิดโรคของร่างกาย ระบบนำส่งยารักษาโรค และอวัยวะเทียม อวัยวะสังเคราะห์ต่างๆ” ศ.ดร.สุพจน์ กล่าว
ตัวอย่างผลงานที่เป็น Lab Prototypes หรือเป็น Certified Products ที่เป็นผลงานของหลักสูตรวิศวกรรมชีวเวช ร่วมกับภาควิชาต่างๆ ภายในคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ ได้แก่ โครงเนื้อเยื่อสำหรับการสร้างหลอดเลือด และการสร้างกระดูก, Micro Needle ที่สามารถควบคุมการปลดปล่อยยาได้, ไม้เท้าที่มีสัญญาณเสียง แสงและการสั่นเพื่อกระตุ้นการเดินของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และเท้าเทียม ข้อสะโพกเทียมที่มีการออกแบบเหมาะสมสำหรับสรีระผู้ป่วยคนไทย และคนเอเชีย เป็นต้น
“ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแพทย์เฉพาะทางเข้ามาเรียนต่อปริญญาโท/เอก ที่หลักสูตรเราอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่จบการศึกษาไปแล้ว และที่กำลังศึกษาอยู่ กว่า 20 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านมีโอกาสทำงานวิจัยที่แก้ไขโจทย์ปัญหาที่พบจริงในโรงพยาบาล” ศ.ดร.สุพจน์ กล่าวทิ้งท้าย