กระทรวงคมนาคม ลงนามต่ออายุความตกลงว่าด้วยการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ (Joint Declaration of Intent: JDI) กับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระยะเวลา 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อเนื่อง
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การลงนามต่ออายุความตกลงว่าด้วยการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ (Joint Declaration of Intent: JDI) ระหว่างสองประเทศ เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงคมนาคมมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านระบบรางที่เป็นรูปแบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
กระทรวงคมนาคมจึงได้เร่งพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีส้ม เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังได้พัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ลดเวลาการเดินทาง และเชื่อมโยงธุรกิจและการค้า รวมถึงพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเป็นหัวข้อหลักของการสัมมนาในวันนี้ โดยรถไฟความเร็วสูงนั้น ประเทศไทยอยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 2 เส้นทาง หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเชื่อมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านคมนาคมในภูมิภาคต่อไป
ทั้งนี้ ประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมระบบรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยได้วิจัยค้นคว้าและผลิตเทคโนโลยีระบบรางมาอย่างยาวนาน หลายโครงการรถไฟฟ้าก็ได้ใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี มั่นใจว่าฝ่ายเยอรมนีจะสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศไทยเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมเช่นเดียวกับในเยอรมนี
เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมถึงประสานความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างเยอรมัน-ไทย หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และฝึกอบรมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และช่างเทคนิคเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบรถไฟในประเทศไทย ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งซ่อมสร้าง แหล่งผลิต และแหล่งรวมวิทยาการระบบรางที่เป็นรูปธรรมภายใต้นโยบาย Thai First เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมระบบรางในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
ศักดิ์สยาม กล่าว
กระทรวงคมนาคมได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงฯ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 โดยแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ มีอายุ 3 ปี และอาจมีการต่ออายุได้อีก 2 ปี อย่างต่อเนื่องกัน ตามความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้ต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ รวม 2 ครั้ง ซึ่งการต่ออายุในครั้งนี้ เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 -วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566
โดยแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและกระชับความร่วมมือด้านระบบราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาการขนส่งทางรถไฟ และระบบขนส่งมวลชนในเมือง ฝ่ายไทยและฝ่ายเยอรมนีได้ร่วมกันจัดกิจกรรมและการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้แถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ได้แก่ การจัดตั้งสมาคมระบบรางเยอรมัน – ไทย ซึ่งได้รับการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564 ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยของไทยกับมหาวิทยาลัย RWTH-Aachen และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดรสเดน (DU-Dresden) แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากร โดยมีภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการด้านรถไฟฟ้า และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมการประชุมด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง
เกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้เป็นการแสดงเจตจำนงด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟของทั้งสองประเทศ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามในวันนี้จะช่วยพัฒนาระบบราง บุคลากรและเทคโนโลยีสมัยใหม่ของทั้งสองประเทศให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย (The German-Thai Railway Association) ไดเเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบรางแก่คนรุ่นใหม่ นักวิจัยและบุคคลากรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางในประเทศไทย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีความภูมิใจที่เราเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมจัดตั้งสมาคมฯ และร่วมช่วยผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางราง ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและเยอรมนี
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ กล่าว
ทั้งนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมด้านโลจิสติกส์และการขนส่งทางราง โดยเป็นหนึ่งในภารกิจหลัก โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทย และประเทศเยอรมนีได้ลงนามร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ (Joint Declaration of Intent: JDI) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 โดยองค์กรภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและสาธารณรัฐเยอรมนี มีการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระบบรางที่เข้มแข็งประเทศหนึ่งของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง และการบูรณาการระบบด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitization) และความก้าวหน้าเรื่องระบบไฟฟ้า
ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมนีในรูปแบบของสมาคม จะช่วยเสริมความต่อเนื่องในการพัฒนาระบบรางในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคต่อไป
รศ.ดร.วเรศรา วีระวัฒน์ รองหัวหน้ากลุ่มสาขาวิชาโลจิสติกส์และระบบขนส่งทางราง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เพื่อให้การถ่ายทอดองค์ความรู้จากการร่วมลงนามในครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้เสริมเรื่องระบบรางในประเทศไทยจากทั้งสองประเทศที่ร่วมลงนาม โดยเน้นเรื่องถ่ายทอดองค์ความรู้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อช่วยให้การลงนามสานต่อนำไปใช้ในโครงการระบบรางต่างๆดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความร่วมมือกันของนักวิชาการ นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ การพัฒนาบุคลากรและการวิจัยต่างๆ รวมทั้งขับเคลื่อนความร่วมมือด้านระบบรางให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต