บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PERM หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย ลงทุนโครงการ Empower เพื่อผลิตเหล็กเคลือบสี ทดแทนการจัดซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นและทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องจักรจาก SMS Group เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย คาดเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ปีหน้า
ชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM กล่าวว่า เพิ่มสินสตีลเวิร์คคือหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย ปัจจุบันมีโครงสร้างของกลุ่มบริษัท ประกอบด้วย บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM) เป็นบริษัทแม่ ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แอตแลนติกไปป์ จำกัด (Atlantic Pipe) สัดส่วน 99.99%, บริษัท ซันเทคสตีลเวิร์ค จำกัด (Suntech) สัดส่วน 99.99% ซึ่งซันเทคสตีลเวิร์คเป็นบริษัทแม่ ที่ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท เอ็มพาวเวอร์สตีล จำกัด สัดส่วนไม่ต่ำกว่า 90% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาบริษัทในกลุ่มเพิ่มสินสตีลมีรายได้ประมาณ 4,800 ล้านบาท และเพื่อให้การดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ. 2562 เป็นไปตามเป้าหมายที่จะมีรายได้โตขึ้นจากปี พ.ศ. 2561 ประมาณ 10% และก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเหล็กตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำในอีก 5 ปี คณะผู้บริหารจึงได้ริเริ่มโครงการผลิตเหล็กเคลือบสี หรือโครงการ Empower ขึ้น เพื่อผลิตเหล็กสี ทดแทนการจัดซื้อและนำเข้าจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ
โดยเบื้องต้นใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการนี้ ประมาณ 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นการก่อสร้างโรงงานซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ในพื้นที่เดิมของบริษัทฯประมาณ 50 ไร่ที่จังหวัดสมุทรสาคร คาดว่าประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2563 จะทำการก่อสร้างแล้วเสร็จ จากนั้นในไตรมาสที่ 3 จะทำการติดตั้งเครื่องจักรจาก SMS Group ซึ่งได้มีการลงนามสัญญาซื้อเครื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ แล้วทำการติดตั้งและทดสอบระบบการทำงานต่างๆและในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจะสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ทั้งระบบ โดยในปีแรกจะมีการผลิตระดับ 50,000 ตันต่อปี และจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆจนเต็มกำลังผลิตที่ 100,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับการขายในประเทศสัดส่วน 90% และส่งออกไปขายในออสเตรเลียซึ่งเป็นฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้วในสัดส่วน 10%
ชูเกียรติ กล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนในโครงการ Empower มาจากเงินลงทุนของ PERM ผ่าน Suntech จำนวน 400 ล้านบาท และได้รับการสนับสนุนเงินกู้ในการซื้อเครื่องจักร จากบริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ภายหลังจากโครงการ Empower เริ่มดำเนินการแล้ว คาดว่าจะใช้เงินทุนหมุนเวียนอีกไม่เกิน 688 ล้านบาท ซึ่งจะใช้การกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินเป็นหลัก จากการประมาณการผลการดำเนินงานในอนาคต คาดว่า โครงการนี้จะให้ผลตอบแทน (IRR) ประมาณ 15.31% และใช้เวลาในการคืนทุนประมาณ 8 ปีเศษ
ส่วนประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนนั้นจะมีผลกระทบต่อตลาดเหล็กบ้าง ซึ่งบริษัทฯ มีแผนรับมืออยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนสต็อกเหล็กในแต่ละช่วงด้วยความรอบคอบ
ชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มพาวเวอร์สตีล จำกัด กล่าวถึง แผนการลงทุนในโครงการผลิตเหล็กเคลือบสี หรือ โครงการ Empower ว่า จะดำเนินภายใต้กลยุทธ์การขยายตัวไปสู่ธุรกิจต้นน้ำ จากเดิม กลุ่มบริษัทซันเทคสตีลเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ดำเนินธุรกิจแปรรูปและจำหน่ายแผ่นเหล็กเคลือบสีรายใหญ่ในอุตสาหกรรม เพื่อนำไปใช้เป็นหลังคาและผนังอาคารโรงงานและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ อยู่แล้ว จึงนับเป็นการขยายฐานลูกค้าในธุรกิจเดิมซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากลุ่มก่อสร้างรายใหญ่ ๆ ของประเทศ มีสัดส่วนลูกค้าภาครัฐประมาณ 20% และลูกค้าภาคเอกชนประมาณ 80%
สำหรับคู่แข่งทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบสีนั้นจะมีอยู่เพียง 3 รายและเป็นการทำตลาดด้วยการนำผลิตภัณฑ์เข้ามาขายในประเทศไทย โดยไม่มีการตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยแต่อย่างใดจึงทำให้โอกาสการทำการตลาดของบริษัทฯค่อนข้างที่จะสดใสมากขึ้น
ณัฐพร ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มพาวเวอร์สตีล จำกัด กล่าวว่า โครงการ Empower เพื่อผลิตเหล็กเคลือบสี จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย ซึ่ง SMS Group มีเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ มีความแข็งแรง ประหยัดพลังงาน สามารถดำเนินการติดตั้งและผลิตสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เพิ่มขึ้น เช่น เหล็กละลูซิงส์เคลือบสี เหล็กสังกะสีเคลือบสี อะลูมิเนียมเคลือบสี และสเตนเลสเคลือบสี นอกจากนี้ยังสามารถทำลวดลายต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการได้ เช่น ลายไม้ ลายการ์ตูน เป็นต้น
ด้าน Dirk Borgmann ผู้บริหาร SMS Group กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจรระดับโลก ที่มีความทันสมัย และโดดเด่นในด้านคุณภาพการผลิต ด้วยเทคโนโลยีจาก SMS Group จึงมั่นใจได้ว่าจะ สนับสนุนให้เอ็มพาวเวอร์สตีล สามารถผลิตสินค้าได้อย่างหลากหลาย และมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์งานก่อสร้างให้โดดเด่นยิ่งขึ้น