ลอนดอน, สหราชอาณาจักร : บริษัท Nippon Telegraph and Telephone Corporation หรือ NTT Corporation ประกาศเปิดตัว NTT Ltd. บริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่รวบรวมศักยภาพขององค์กรชั้นนำ 28 แห่ง เช่น NTT Communications, Dimension Data และ NTT Security มาไว้ในบริษัทเดียวที่มีมูลค่าสูงถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยบริษัทใหม่ของ NTT มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอน และมีพนักงานราว 40,000 คนประจำอยู่ตามสำนักงานสาขาในกว่า 70 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ซึ่งมาพร้อมกับความสามารถอันเหนือชั้นและบริการระดับโลก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งดี ๆ ให้กับผู้คน ธุรกิจ และสังคม
จุน ซาวาดะ ประธานและซีอีโอของ NTT Corporation กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้เปิดตัวบริษัท NTT Ltd. โดยเราได้ผสานความสามารถใหม่ๆ ของ NTT Ltd. กับความสามารถของ NTT DATA เพื่อสร้างบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันทางธุรกิจและเทคโนโลยีระดับ Top 5 ของโลกที่มีรายได้สูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนอกประเทศญี่ปุ่น หลังจากนี้ เราจะเร่งดำเนินงานในฐานะบริษัทเดียว เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมและชาญฉลาดขึ้นผ่านการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล
“นอกจากนี้ เรามีความยินดีที่จะประกาศว่า สำนักงานใหญ่สากลของ NTT Ltd. จะตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน และความเชื่อมั่นที่เรามีให้กับตลาดสหราชอาณาจักรยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก เราพิจารณาสถานที่หลายแห่งก่อนที่จะตัดสินใจเลือกลอนดอนเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ เพราะเห็นว่ามีจุดแข็งหลายอย่าง เช่น เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ บุคลากรมีความสามารถและมีทักษะสูง มีความหลากหลายทางประชากรและความคิด ทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐาน โรงเรียน และที่อยู่อาศัยพร้อมรองรับบุคลากรจากทั่วโลกที่ย้ายมาทำงาน โดยสรุป คือ ลอนดอนเป็นเมืองที่เหมาะกับการอยู่อาศัยและทำงาน และเรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นบ้านของธุรกิจใหม่ของเรา” ประธานและซีอีโอของ NTT Corporation กล่าว
ด้วยการรวมตัวขององค์กรชั้นนำทำให้เราสามารถนำเสนอจุดแข็งดังต่อไปนี้
– ลูกค้าสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและความสามารถต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมและลึกซึ้งมากขึ้น
– เทคโนโลยีและบริการการจัดการซึ่งมีความครอบคลุมและลึกซึ้งเป็นผู้นำในระดับโลก
– ศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้นในการนำเสนอโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า
– แพลตฟอร์มบริการการจัดการระดับโลกที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของ ลูกค้าในตลาดแต่ละแห่ง
– การเพิ่มการลงทุนในด้านนวัตกรรม รวมถึงการวิจัยและพัฒนา
บริษัทใหม่แห่งนี้สร้างความร่วมมือกับลูกค้ากว่า 10,000 รายทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วยองค์กรชั้นนำของโลกในด้านบริการทางการเงิน เภสัชกรรม โทรคมนาคม พลังงานและสาธารณูปโภค การผลิต ยานยนต์ และเทคโนโลยี โดยหลายบริษัท เช่น Tour de France, ALMA, City of Las Vegas, Connected Conservation, ISPPC, Alcatel และ NXP ได้นำโซลูชันเทคโนโลยีอัจฉริยะของ NTT ไปใช้สร้างสรรค์อนาคตที่ทุกอย่างเชื่อมถึงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สึเนฮิสะ โอคุโนะ ประธานบริษัท NTT Ltd. และรองประธานบริหารบริษัท NTT Corporation กล่าวว่า ทุกวันนี้ NTT ยังคงสานต่อสิ่งที่ทำมาตลอด 120 ปี นั่นคือ การรับฟังและพัฒนานวัตกรรมเพื่อลูกค้าของเรา เราสร้างทีมงานให้บริการเทคโนโลยีและบริการการจัดการที่แข็งแกร่งในบริษัท NTT Ltd. พร้อมกับทุ่มการลงทุนเพิ่มเติมในด้านการวิจัยและพัฒนา การจัดตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีผ่านกองทุนร่วมลงทุน และการพัฒนาทีมงานสำหรับธุรกิจนวัตกรรมของเราเอง เราเล็งเห็นโอกาสในการช่วยเหลือลูกค้าและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการรวบรวมความสามารถทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน
ด้านเจสัน กู้ดดอลล์ ซีอีโอบริษัท NTT Ltd. กล่าวว่า ภูมิใจมากที่ได้นำพา NTT Ltd. เข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้น วันนี้เราได้ก่อตั้งบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลกที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการการจัดการชั้นนำเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของลูกค้า เรารู้ว่าเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง และเราก็จะเป็นเช่นนั้น เราจะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันทางธุรกิจและเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก และตั้งตารอที่จะร่วมมือกับลูกค้าทั่วโลกด้วยศักยภาพเต็มรูปแบบของเรา
คริส บาร์นาร์ด รองประธานฝ่ายการสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานองค์กรของ IDC กล่าวว่า องค์กรทั่วโลกต่างมองหาบริษัทเทคโนโลยีที่สามารถปรับตัวและให้การสนับสนุนพวกเขาในการรับมือกับความท้าทายใน สภาพสังคม การเกษตร และการผลิตที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องการโซลูชันครบวงจรที่จะเข้ามาช่วยปลดปล่อยพลังของ IoT การวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย และแพลตฟอร์มความร่วมมือ ซึ่ง NTT ตระหนักถึงความต้องการเหล่านี้ จึงได้รวบรวมหลายบริษัทมาไว้ในบริษัทเดียว เพื่อให้พวกเขามองเห็นทั่วทั้งองค์กรของตัวเองจากมุมมองเดียว ทำให้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ดีกว่า ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถพลิกโฉมธุรกิจและได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงองค์กร