GPSC เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ.2564 กำไรโตต่อเนื่อง 1,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ. 2563 (YoY) และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ.2563 (QoQ) สะท้อนการดำเนินงานและความต้องการใช้ไฟฟ้า-ไอน้ำภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง พร้อมนำมาตรการคุมเข้มหน่วยผลิตป้องกัน COVID-19 ระลอกใหม่ สร้างเสถียรภาพและความมั่นใจในระบบผลิตไฟฟ้า-ไอน้ำให้กับลูกค้า
วรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ผู้นำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1ของปีพ.ศ.2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 393 ล้านบาท หรือร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ. 2563 (YoY) โดยมีปัจจัยหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และเงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด แม้ว่าผลจากการดำเนินงานในส่วนของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) จะลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า IPP ทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายลดลง แต่กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มี Margin สูงขึ้นจากการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติและราคาถ่านหิน รวมถึงความต้องการใช้ไอน้ำที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าอุตสาหกรรม
สำหรับผลการดำเนินงานของไตรมาส 1ของปีพ.ศ. 2564 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4ของปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา (QoQ) เพิ่มขึ้น 515 ล้านบาท หรือร้อยละ 35 โดยมีสาเหตุหลักจากค่าบำรุงรักษาลดลง เนื่องจากในไตรมาส 4 ที่ผ่านมามีการซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้า SPP ของโกลว์ และกำไรขั้นต้นจากการขายไอน้ำให้ลูกค้าอุตสาหกรรมสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ รับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษีจำนวน 224 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ซึ่งส่วนหลักได้รับจากการบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงรักษา การใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน และการบริหารจัดการเถ้าถ่านหิน (Coal ash) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยได้ขายหุ้น GRP ในสัดส่วนร้อยละ 50 ให้กับ บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายหุ้นดังกล่าว และส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ผลประกอบการจาก GRP เป็นส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมภายหลังการดำเนินการขายหุ้นแล้วเสร็จ
การร่วมทุนดังกล่าว เป็นอีกก้าวของการยกระดับความร่วมมือเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต นับเป็นการรวบรวมบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียนจากทั้ง ปตท. และ GPSC มาดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าว
ขณะนี้ยังมีการแพร่ระบาดของ COVID 19 ระลอกใหม่ บริษัทฯ 07’ให้ความสำคัญในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยมีมาตรการคุมเข้ม ได้แก่ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการ พร้อมออกระเบียบให้พนักงานสายงานสนับสนุน ปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) 100% การเตรียมแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจสำหรับสายปฏิบัติการ และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในหน่วยผลิตให้สามารถเดินหน้าผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของลูกค้าในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับแสวงหาพันธมิตรในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ เพื่อรองรับกับเทรนด์การพัฒนาพลังงานแห่งอนาคต โดยเฉพาะการต่อยอดเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เพื่อใช้ในยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่ม ปตท. ในการบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร