กรุงเทพฯ – ประเทศไทย : Google Cloud เตรียมสร้าง Cloud Region เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการบริการในระบบคลาวด์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและทั่วโลก โดยจะเข้าเป็นหนึ่งใน Cloud Region ของ Google Cloud ที่มีอยู่แล้ว 11 แห่ง ทั้งในเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สองแห่ง ได้แก่ สิงคโปร์ และจาการ์ตา จากจำนวน Cloud Region ทั้งหมดใน 34 แห่ง และ 103 โซน ที่เปิดใช้งานทั่วโลกขณะนี้ สำหรับเครือข่าย Cloud Region ทั่วโลกของ Google Cloud พร้อมส่งมอบบริการแก่ลูกค้าทุกขนาดองค์กร ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) รวมถึงสตาร์ทอัปอีกด้วย
สำหรับ Cloud Region ในประเทศไทย จะให้บริการธุรกิจและระบบคลาวด์ศักยภาพสูงที่จำเป็นต่อองค์กร เพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัล และสร้างข้อได้เปรียบใหม่ ๆ ในการแข่งขัน ตลอดจนตอกย้ำเจตนารมณ์ของ Google Cloud ที่ต้องการสนับสนุนแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในเฟสต่อไป
ก่อนหน้านี้ Google Cloud ได้ประกาศแผนสร้าง Cloud Region ในประเทศนิวซีแลนด์ มาเลเซีย และเม็กซิโก ซึ่งจะทยอยเปิดใช้งานตามหลัง Cloud Region 5 แห่ง ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ในกรุงเบอร์ลิน ดัมมาม โดฮา เทลอาวีฟ และตูริน
แจ็คกี้ หวาง ผู้อำนวยการ Google ประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ทีม Google ประเทศไทย ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจ ชุมชน และภาคการศึกษาในประเทศไทย เพื่อจัดหาเครื่องมือ การฝึกอบรม และการศึกษาที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในอนาคตดิจิทัล เมื่อเปิดตัว Cloud Region จะช่วยเสริมความสามารถเฉพาะตัวของเราในการนำระบบนิเวศขององค์กร และผู้บริโภคเข้ามาใกล้กันมากขึ้น โดยองค์กรทุกขนาดจะสามารถใช้บริการ Google Cloud ที่ขับเคลื่อนโดยโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ ร่วมกับความสามารถในการทำงานร่วมกันทั่วโลกจาก Search, YouTube, Maps, Play และอื่น ๆ เพื่อเสริมการให้บริการในประเทศ และพร้อมที่จะต่อยอดส่งออกผลิตภัณฑ์และบริการสู่ตลาดโลกให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การพัฒนาระบบของ Google ประเทศไทย สามารถให้บริการผู้ใช้บริการหลายพันล้านคนในเวลาเดียวกัน โดยระบบต้องมี Security, Scalability และ Trust จึงสามารถให้บริการผู้ใช้บริการที่เป็นลูกค้าระดับองค์กรได้ ทั้งนี้ Google ประเทศไทย จะนำ Ecosystem ขององค์กรกับ Google ประเทศไทย มาทำงานใกล้ชิดมากขึ้น
“Cloud Region แห่งใหม่ จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญของการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของ Google ในประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมโอกาสในการเติบโตแบบครอบคลุม และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่กว้างขวางขึ้น” แจ็คกี้ หวาง กล่าว
Ruma Balasubramanian กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Google Cloud กล่าวว่า การระบาด Pandemic ทำให้ 9 ใน 10 ของคนไทยคุ้นเคยกับการใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความความคิดสร้างสรรค์ ความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ ตลอดจนการเปิดกว้างในการพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ
สำหรับ 5 คุณลักษณะที่ทำให้บริการดิจิทัลเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา 1. ทำงานตลดเวลา 2. เข้าใจตัวตนผู้ใช้ 3. เรียบง่าย 4. มีระบบรักษาความปลอดภัย และ 5. ทั้งหมดอยู่บนเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการเก็บข้อมูลระดับเทราไบต์
รายงานจากผลวิจัยของ AlphaBeta ภายใต้การสนับสนุนของ Google เผยว่า หากใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อาจสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อปีได้สูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท (79.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แก่ประเทศไทย ภายในปี 2573 ซึ่งเทียบเท่ากับ 16% ของ GDP ท้องถิ่นในปี 2563
จากการประกาศแผนติดตั้ง Cloud Region ในประเทศไทย Google Cloud วางเป้าหมายที่จะส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการรุกหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และส่งมอบระบบโครงสร้างคลาวด์ที่จำเป็นต่อการปรับเปลี่ยนและเติบโตของภาคธุรกิจ ทั้งในด้านการใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำงานแบบไฮบริด หรือการมีแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ และต่อเงื่อนไขข้อกำหนดต่าง ๆ
“เราจึงรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการขยายโครงสร้างคลาวด์ เพื่อยกระดับประเทศไทยไปสู่กลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าได้สูงถึง 36.25 ล้านล้านบาท (1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ภายในปี 2573 นี้” Ruma Balasubramanian กล่าว
ในอนาคต เมื่อระบบเปิดให้บริการ Cloud Region ในประเทศไทยจะช่วยยกระดับการปฏิบัติงานขององค์กรในท้องถิ่น ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีความหน่วงต่ำ รวมถึงสร้างระบบรักษาความปลอดภัย 3 โซน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้การบริการหยุดชะงัก นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ยังสามารถเข้าถึงระบบควบคุมที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าศูนย์เก็บข้อมูลจะได้รับความคุ้มครองโดยระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสูงสุด ซึ่งรวมถึงข้อมูลเฉพาะที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ Cloud Region จะทำงานควบคู่กับ Dedicated Cloud Interconnect ของ Google Cloud ที่ติดตั้งอยู่หลายแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ทุกการเชื่อมต่อทั้งระหว่างเครือข่ายภายในองค์กรโดยตรง และเครือข่ายทั่วโลกของ Google Cloud
Ruma Balasubramanian กล่าวว่า Google Cloud เป็นพันธมิตรด้านนวัตกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ จาก 5 ปัจจัยหลัก ดังนี้ 1.ความเข้าใจต่อการใช้งานข้อมูล ด้วยแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลแบบรวมที่สามารถจัดเก็บข้อมูลทั้งแบบที่ไม่มีโครงสร้าง และแบบมีโครงสร้างไว้ได้ทุกที่ Google Cloud ช่วยองค์กรลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน และสร้างข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่มีมูลค่าสูง ตลอดจนช่วยธุรกิจตัดสินใจได้อย่าชาญฉลาด และทันสถานการณ์ 2.การสร้างรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างอิสระ องค์กรที่ทำงานบนแพลตฟอร์มที่มีความเป็นอิสระ และยืดหยุ่นสูง ของ Google Cloud สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นขององค์กร ซึ่งแหล่งข้อมูลอิสระที่มีอยู่เดิม และความมุ่งมั่นต่อโครงสร้างมัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์ของ Google Cloud จะช่วยให้องค์กรมีอิสระในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถดำเนินงานได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไว 3.การส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกัน Google Cloud ให้บริการเครื่องมือที่องค์กรจำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับวิธีที่ผู้คนเชื่อมต่อ สร้าง และทำงานร่วมกันที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปที่สำนักงาน ทำงานจากที่บ้าน หรือให้บริการลูกค้าในแนวหน้าอย่างใกล้ชิด 4.ระบบรักษาความปลอดภัยและผู้ใช้งาน Google Cloud ช่วยปกป้องข้อมูลโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านความปลอดภัยเดียวกันกับที่ Google ใช้สำหรับการดำเนินงานทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของทุกองค์กร และ 5.การสร้างอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนยิ่งขึ้น: Google ประกาศเป็นกลางทางคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2550 และกำลังดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานที่ปราศจากคาร์บอนทั้งหมดภายในปี 2573 โดยปัจจุบัน เมื่อองค์กรทำงานบน Google Cloud ซึ่งเป็นระบบคลาวด์ที่สะอาดที่สุดในอุตสาหกรรม เวิร์กโหลดขององค์กรเหล่านั้นจะใช้พลังงานหมุนเวียนเต็ม 100% อีกทั้ง Google Cloud ช่วยให้องค์กร แยกคาร์บอนออกจากการดำเนินการต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น Carbon Footprint, Active Assist และ Earth Engine เป็นต้น
ดังนั้น Google Cloud จึงได้รับความไว้วางใจ และส่วนแบ่งการตลาดจากองค์กรขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งรวมไปถึงบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, Ascend Money, บิ๊กซี, โฮมโปร, ธนาคารกสิกรไทย, กรุงศรี คอนซูมเมอร์, ธนาคารกรุงไทย, บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (โรบินฮู้ด), ปูนซีเมนต์ไทย, ทีดี ตะวันแดง และ ทรู ดิจิทัล เป็นต้น โดยทั้งหมดได้เลือก
สำหรับบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ผู้บริหารร้านถูกดี มีมาตรฐาน มุ่งมั่นยกระดับร้านโชห่วยไทยให้ทันสมัย ในเครือคาราบาวกรุ๊ป ได้นำ Google Cloud ไปใช้ในธุรกิจค้าปลีกแบบครบวงจร โดยแพลตฟอร์มสามารถปรับขนาดและวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านเทคโนโลยี AI รวมทั้งช่วยจัดการสต็อกและบัญชี ส่วนบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำ Google Cloud ช่วยธุรกิจลด Carbon Emission สู่ความยั่งยืน ย้ายระบบ SME ซึ่งดำเนินงานโดยใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สามารถลด Co2 ลูกค้าที่ปลายทาง
Ruma Balasubramanian กล่าวว่า Cloud Region ของประเทศไทยจะเข้าเป็นหนึ่งใน Cloud Region ของ Google Cloud ที่มีอยู่แล้ว 11 แห่ง ทั้งในเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สองแห่ง ได้แก่ สิงคโปร์ และจาการ์ตา จากจำนวน Cloud Region ทั้งหมดใน 34 แห่ง และ 103 โซน ที่เปิดใช้งานทั่วโลกขณะนี้ โดยเครือข่าย Cloud Region ทั่วโลกของ Google Cloud พร้อมส่งมอบบริการแก่ลูกค้าทุกขนาดองค์กร ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) รวมถึงสตาร์ทอัปอีกด้วย
ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ก่อนสถานการณ์ COVID-19 ระบบของธนาคารกรุงไทยค่อนข้างล้าหลัง ธนาคารกรุงไทยเห็นความสำคัญของ Open System จึงเชื่อมโยงกับพันธมิตรทุกภาคส่วน รวมทั้ง Google Thailand ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรรายสำคัญ ทำให้ธนาคารกรุงไทยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านบริการชิม ช้อป ใช้ บัตรสวัสดิการของรัฐ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทยมีความสามารถ 3 ด้าน คือ 1.เป็น Open System 2. API Base เชื่อมโยงกับ Ecosystem และ 3. Open Source ทีสนับสนุน Cyber Security ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยและดูแลข้อมูลส่วนบุคคล
“ธนาคารกรุงไทยเห็นศักยภาพของ Google Cloud ในฐานะ API Service ที่ตอบโจทย์บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Data Analytics) การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ จึงร่วมกับ Google Cloud ในการพัฒนาแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ โดยแอปเป๋าตุงมีผู้ใช้งานเกือบ 40 ล้านคน Krungthai Next มีผู้ใช้งาน 16-17 ล้านคน และถุงเงิน มีผู้ใช้งานรายย่อย 1.1 ล้านคน ในส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าในวันที่ 15 สิงหาคม และประชาชนในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ใช้ระบบ Google Cloud เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าระบบจะให้บริการได้อย่างราบรื่น เนื่องจากจำนวนผู้ลงทะเบียนไม่มาก ราวกว่าล้านราย” ผยง กล่าว
การที่ Google Thailand พัฒนา Cloud Region จะช่วยเพิ่ม Latency, Speed, Fully Comply ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ Data Privacy โดย Cloud Region แห่งใหม่นี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการคิดค้นนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการกำกับดูแลในประเทศ ซึ่งจะทำให้เราสามารถให้บริการคนไทยทุกระดับรวมถึงผู้บริโภคที่ไม่มีบัญชีธนาคาร และเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กได้ทุกที่ ทุกเวลา
“ในเร็วๆ นี้ Google จะฉลองครบรอบ 11 ปีของการทำงานในประเทศไทย พร้อมด้วยการริเริ่มโครงการต่าง ๆ เพื่อประเทศ เช่น สะพานดิจิทัล ที่ช่วยธุรกิจ SMEs ก่อตั้ง และขยายธุรกิจทางออนไลน์ และ Go Digital ASEAN ที่ช่วยปูพื้นฐานให้เยาวชนที่ยังไม่ได้รับการจ้างงาน และขาดโอกาสให้มีทักษะในการรู้หนังสือดิจิทัล” แจ็คกี้ หวาง กล่าวทิ้งท้าย