สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามความร่วมมือผนึกกำลังขับเคลื่อนแผนแม่บทอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทย โดยมหาวิทยาลัยมหิดลเตรียมแผนพัฒนา โครงการ ศาลายา สตาร์ทอัพ ทาวน์ (Salaya Startup Town) ให้เป็นเมืองแห่งสตาร์ทอัพเฮลท์เทคและเฮลท์แคร์ สู่เมดิคัลฮับ (Medical Hub) สอดรับนโยบาย Thailand 4.0
ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของ EECi และมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยที่มีองค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือแพทย์และบริการทางการแพทย์ สวทช. จึงร่วมมือกับ และ มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินงาน “การพัฒนาและขับเคลื่อนแผนแม่บท EECi ด้านอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย” เพื่อขับเคลื่อนแนวคิดของ EECi ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจัดทำแผนที่นำทางของ EECi เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย ระยะ 10 ปี ครอบคลุมรูปแบบการพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย ที่เชื่อมโยงผู้ผลิตนวัตกรรมและผู้ใช้นวัตกรรมทั้งในและข้ามห่วงโซ่อุตสาหกรรม ทั้งจากภายในและต่างประเทศ ด้วยการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงและสร้างกลไกต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและนำเทคโนโลยีไปสู่การใช้ประโยชน์ และขยายผลต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป
“อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รองรับสังคมสูงวัยที่กำลังมาถึง และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ประเทศ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพกว้างไกล มูลค่าHealth Tech ในตลาดโลก ปี 2020 คาดว่าจะสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกและนำเข้า ปีละกว่า 1.6 แสนล้านบาท ตลอดจน ธุรกิจ HealthCare ในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติ มีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท” ดังนั้น สวทช. จึงได้ลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลงการพัฒนาและขับเคลื่อนแผนแม่บท EECi ด้านอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย กับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาคนและสตาร์ทอัพในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแพทย์และสุขภาพ การวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ “ ดร.เจนกฤษณ์ กล่าว
ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งสู่การเป็น World-Class University ส่งเสริมการศึกษายุคใหม่ด้วยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และเตรียมความพร้อมบุคลากรในอุตสาหกรรมการแพทย์-สุขภาพ สู่สังคมฐานนวัตกรรม โดยทำงานร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ องค์กรและเครือข่ายอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด
สำหรับการลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) โดย EECi กับมหาวิทยาลัยมหิดล จะเป็นพลังสำคัญในการร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะก้าวเป็นเมดิคัลฮับ (Medical Hub) มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในขอบเขตข้อตกลงการดำเนินงานทั้งสองฝ่าย จะจัดทำโรดแมพแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย ของ EECi ระยะ 10 ปี ที่ครอบคลุมรูปแบบการพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ทั้งของ EECi และที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการเชื่อมโยงผู้ผลิตนวัตกรรมและผู้ใช้นวัตกรรมทั้งในและข้ามห่วงโซ่อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์จากภายในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยจัดกิจกรรมเชื่อมต่อและสร้างกลไกกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและนำเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ ตลอดจนขยายผลต่อยอดไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ พร้อมด้วยโครงการ ศาลายา สตาร์ทอัพ ทาวน์ (Salaya Startup Town) เมืองแห่งสตาร์ทอัพเฮลท์เทคและเฮลท์แคร์ ที่เชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าคมนาคมทันสมัยในอนาคต
ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ศาลายา สตาร์ทอัพ ทาวน์ (Salaya Startup Town) เมืองสตาร์ทอัพแห่งเฮลท์เทคและเฮลท์แคร์ ในมหาวิทยาลัยมหิดล เชื่อมโยงกับ EECi ประกอบด้วยระบบนิเวศเพื่อนวัตกรรมและบริการแก่นักวิจัย นักประดิษฐ์และธุรกิจอุตสาหกรรม ได้แก่ 1.Innogineer Studio เปรียบเสมือนเวิร์คช็อป ครบครันเครื่องมือไฮเทคสำหรับเอสเอ็มอีและเมคเกอร์สามารถเข้ามาทำโปรเจคต่าง ๆ สร้างชิ้นงานและต้นแบบจากความคิดสร้างสรรค์ 2. Innogineer BAY ศูนย์ฝึกหัดด้านหุ่นยนต์และระบบ AI ที่ทันสมัยระดับโลก 3. Innovation Service Center ศูนย์บริการนวัตกรรมและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจอุตสาหกรรม กำหนดเปิดในเดือนกันยายนนี้ 4.ศูนย์นวัตกรรมสังคมสูงวัยและ Smart Home 5. ห้องปฏิบัติการและศูนย์วิจัยที่ชำนาญด้านต่าง ๆ ของม.มหิดล 6. ศูนย์ LogHealth วิจัยและออกแบบพัฒนาระบบโลจิสติกส์โรงพยาบาล และจัดทำแผนแม่บทระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภาคสาธารณสุขของประเทศ (HealthCare Logistics Big Data) อีกด้วย 7.ศูนย์ทดสอบเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ กำหนดเปิดปลายปีพ.ศ.2562 8.UNTIL Thailand ศูนย์ปฏิบัติการนวัตกรรมโดยสหประชาชาติ จะเปิดเป็นแห่งที่ 5 ของโลก ในปลายปีพ.ศ.2562 และ 9.ศูนย์หุ่นยนต์การแพทย์ระดับสูง มูลค่าลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท กำหนดเปิดเฟสแรกในปีพ.ศ.2563 และเฟสสองในปีพ.ศ.2564
รศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า แนวโน้มการวิจัยพัฒนาและเทคโนโลยีด้านสุขภาพและชีวการแพทย์ก้าวไปอย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) จะเข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญในการใช้งานด้านการตรวจสุขภาพและบำบัดรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ผ่าตัด เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นสมอง สตาร์ทอัพในหลายประเทศต่างคิดค้นนวัตกรรมสุขภาพไร้สาย (Wireless Health) และอุปกรณ์สุขภาพเคลื่อนที่ (Mobile Health) ในยุคที่การสื่อสาร 5G ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงด้วยประสิทธิภาพใหม่ จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อการแพทย์กับโลกอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น IoMT (Internet of Medical Things) ที่เห็นได้ชัดคือ อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices) ซึ่งมีแนวโน้มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง