กรุงเทพฯ – 14 สิงหาคม 2563 : BGRIM โชว์เหนือสวนกระแสเศรษฐกิจตกต่ำ คว้ากำไรไตรมาส 2/2563 เติบโต 62.5% แตะ 1,017 ล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ และการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของลูกค้านิคมอุตสาหกรรม รุกก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผน ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาทต่อหุ้น
ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของไทย กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีพ.ศ.2563ว่า บริษัทฯยังเติบโตแข็งแกร่ง แม้มีสถานการณ์เศรษฐกิจจะชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ก็ตาม โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,682 ล้านบาท เป็นส่วนของบริษัทใหญ่ที่ 1,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,102 ล้านบาท เป็นส่วนของบริษัทใหญ่ที่ 674 ล้านบาท เติบโต 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญจากการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องสู่ 3,019 เมกะวัตต์ ณ กลางปี 2563 โดยตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเป็นต้นมามีเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า 4 โครงการ และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ คือ โครงการบี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) (ชื่อเดิม เอสพีพี 1) และโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทอง เพาเวอร์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์ ในปีก่อนหน้า และอีก 15 เมกะวัตต์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นอกจากการทยอยเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่แล้ว ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมรายเดิมเริ่มส่งสัญญานฟื้นตัว โดยในเดือนกรกฎาคม ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 17% จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือน ในช่วงไตรมาส 2 ปีพ.ศ.2563 นอกจากนี้แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติยังเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของเรา โดยในเดือน กรกฎาคม มีราคาลดลง 8% จากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักในไตรมาส 2/2563 เป็น 241 บาท/ล้านBTU ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีตามประมาณการของ ปตท.
“บริษัทฯ ยังเดินหน้าในการก่อสร้างโครงการ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟาพลังงานลมบ่อทอง วินฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ มีกำหนดการ COD ในช่วงไตรมาส 4 ปีพ.ศ.2563 ถึงไตรมาส 1 ปีพ.ศ.2564 มั่นใจว่าจพเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาการซื้อไฟฟ้าที่ 5 พันเมกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ.2565” ปรียนาถ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลมากมาย โดยในเดือนมิถุนายน 2563 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก “FTSE4Good Indexes Series” ประกาศโดย FTSE Russell ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนว่า บี.กริม เพาเวอร์ มีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างโดดเด่น ตามมาตรฐานชี้วัดระดับสากล และในเดือนกรกฎาคม 2563 ได้รับ 3 รางวัลจาก “Institutional Investor Corporate Awards 2020” จัดโดย Alpha Southeast Asia ประกอบด้วยรางวัล “Strongest Adherence to Corporate Governance” , “Most Organized Investor Relations” และ “Most Consistent Dividend Policy”
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) คือวันที่ 31 สิงหาคม 2563 และกําหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลใน วันที่ 11 กันยายน 2563