สยามคูโบต้า โชว์ผลประกอบการปี 2565 ปิดงบยอดขายที่ 63,000 ล้านบาท เดินหน้าก้าวสู่ปีที่ 45 ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งพัฒนาให้นวัตกรรมเกษตรเป็นมากกว่าเครื่องจักรกลการเกษตร โดยทุกกระบวนการของธุรกิจเกิดขึ้นบนแนวคิดที่ต้องการเป็นผู้นำนวัตกรรมที่มุ่งการสร้าง White Agri-World โลกเกษตรสีขาว หรือ การพัฒนานวัตกรรมเกษตรด้วยความรับผิดชอบ เร่งรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO Emission) ล่าสุดเตรียมฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ อัดแคมเปญเอาใจลูกค้าตลอดทั้งปี พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2566 ที่ 67,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7%
จูนจิ โอตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งประมาณ2 เดือน เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา สยามคูโบต้ามีผลการดำเนินงานตรงตามเป้าหมายที่คาดไว้ มียอดขายอยู่ที่ 63,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนในประเทศ 60 และต่างประเทศ 40 โดยปัจจัยบวกจากภายนอกที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตทางภาคเกษตร ได้แก่ ปริมาณน้ำฝนดี ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น และนโยบายจากภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต รวมทั้งการออกสินค้ารุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งทางเทคโนโลยีและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและสังคม ในปี 2566 นี้ สยามคูโบต้าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 67,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโตเพิ่มขึ้น 7% โดยจะพัฒนาสินค้าใหม่และใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Part) มากขึ้น
“จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากภาวะโลกร้อนในขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบรุนแรง ต่อผลผลิตอาหารทั่วโลก และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามร่วมแก้ไขปัญหา สยามคูโบต้าตระหนักถึงบทบาทในการสร้างความเชื่อมั่น และไว้วางใจจากลูกค้าในการเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือสังคม โดยจะดำเนินตามนโยบาย Global Major Brand (GMB 2050) คูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล การดำเนินธุรกิจก้าวสู่ปีที่ 45 เราจะยังคงตั้งมั่นให้การสนับสนุนภาคเกษตรของไทย ในการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทัดเทียมกับนานาประเทศในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า บริษัทคู่ค้าทางธุรกิจ ตลอดจนพนักงาน พร้อมเร่งสนับสนุนภาคเกษตรไทยให้เป็น Net Zero ในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อก้าวสู่ GMB 2050) โดยประเทศไทยจะเป็นผู้นำด้าน GMB ของคูโบต้า กรุ๊ป ” จูนจิ โอตะ กล่าว
วราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์ภาคการเกษตรของไทยในรอบปีที่ผ่านมาว่า สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย โดยระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้น 80% ซึ่งถือว่าดีกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำฝนดี ส่งผลให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกและทำการผลิตมากขึ้น อีกทั้งราคาผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรสนใจซื้อเครื่องจักรสำหรับเพาะปลูกและบำรุงดูแลรักษามากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลาย ทำให้อุตสาหกรรมอาหารและท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้นโยบายของภาครัฐมีการส่งเสริมยกระดับเกษตรกรไทยสนับสนุน Smart Farming ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาบริหารจัดการ จึงทำให้ภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น 11% และGDP ภาคการเกษตรมีการขยายตัว 2.5% ในขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในกัมพูชา และ สปป.ลาว ก็เติบโตเพิ่มขึ้น 8 % ซึ่งเป็นผลจากรัฐบาลส่งเสริมการผลิตพืชผลการเกษตรเพื่อส่งออกมากขึ้น
สยามคูโบต้า จึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจ ในปี 2566 ดังนี้ 1. มุ่งพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มพืช 2. ขยายธุรกิจบริการด้านนวัตกรรมการเกษตรยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยร่วมมือกับ บริษัท เกษตรอินโน จำกัด และกลุ่ม Startup มหาวิทยาลัย ตลอดจนภาครัฐ และเอกชน 3. ขยายตลาดใหม่และพัฒนาศักยภาพผู้แทนจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศรองรับการเติบโตของตลาด 4. ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาภาคการเกษตรให้แข็งแรงและยั่งยืน 5. มุ่งพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ด้วยนโยบาย ESG และ Net Zero Emission
“ในส่วนของการพัฒนาองค์กรและสินค้าของสยามคูโบต้า เราให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายการทำเกษตรของโลกเกษตรใหม่ เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อไปสู่โลกเกษตรสีขาว White Agri-World ภายใต้แนวคิด “ใช้น้อย ได้มาก เพื่อความยั่งยืน” ที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมเกษตรอย่างรับผิดชอบผ่านส่วนผสมที่เป็นกุญแจสำคัญ ได้แก่ White Machinery นวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่ White Solutions นวัตกรรมวิธีการทำเกษตรรูปแบบใหม่ White Corporation องค์กรสีขาวที่มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืน โดยให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับโลกเกษตรเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตและโลกไปในทางที่ดีขึ้น” วราภรณ์ กล่าว
สำหรับKey Driver ที่จะเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน คือการเป็นผู้นำด้าน NET ZERO Emission ในภาคการเกษตร โดยรณรงค์ให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งภายในองค์กรและภาคการเกษตรสุทธิเป็นศูนย์ ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การลดการปล่อยมลพิษในกระบวนการผลิต การจัดการน้ำและปุ๋ยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพัฒนาโซลูชันเกษตรแม่นยำที่ลดการปล่อยคาร์บอน โดยร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขยายผลสู่ระดับประเทศ
“สำหรับเทรนด์การทำเกษตรจะให้ความสำคัญกับ 1.สิ่งแวดล้อมและสังคมผู้สูงวัย มีการใช้ IoT เพื่อเก็บข้อมูลการเกษตร นำมาวิเคราะห์ เพื่อให้เกษตรแม่นยำ เพื่อลดต้นทุนผลผลิตทางการเกษตร 2. ลดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปลูกข้าวเปียกสลับกับแห้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทน ทำให้ได้คาร์บอนเครดิต ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเกษตรนับจากนี้ไป” วราภรณ์ กล่าว
ด้านการพัฒนาโครงการด้านสังคม เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้พึ่งพาตนเองได้ ภายใต้นโยบาย ESG สยามคูโบต้าได้ดำเนินการโครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า ให้องค์ความรู้จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ และช่วยเกษตรกรในการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการเพิ่มรายได้ โครงการคูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ สนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยรวมกันใช้เครื่องจักรฯ เพื่อลดต้นทุนและสร้างรายได้ และโครงการชุมชนเกษตรเพาะสุขสยามคูโบต้า มุ่งแก้ปัญหาความยากจน ยกระดับรายได้ให้เกษตรกรรายครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาคูโบต้าฟาร์ม ในการนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์การทำเกษตรคาร์บอนต่ำ และเพิ่มพื้นที่สร้างประสบการณ์ใหม่อีก 2 โซน ได้แก่ โซน For Earth For Life และ โซนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาต่อยอดสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ตามเป้าหมายการขับเคลื่อน Net Zero Emission ในภาคการเกษตรสุทธิเป็นศูนย์
ด้านพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึง เทรนด์การเกษตรสมัยใหม่ว่า จะมีการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำเกษตรมีประสิทธิภาพดีและสะดวกมากยิ่งขึ้นสยามคูโบต้าจึงได้เตรียมรุกตลาดภายใต้ 2 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1. กลยุทธ์เน้นขยายตลาดใหม่ คือ กลุ่ม Non Farmer (เกษตรกรมือใหม่) เจาะกลุ่มผู้ที่กำลังเริ่มต้นสนใจการเกษตรได้ทดลองใช้งานเครื่องจักร กลุ่มพืชมูลค่าสูง (High Value Crop) นำเสนอประสิทธิภาพในรูปแบบทำน้อยแต่ได้มาก รองรับการขยายตัวของกลุ่มพืชที่สูงถึง 16% โดยขยายตลาดแทรกเตอร์ต้นกำลังในการต่ออุปกรณ์เพื่อทำงานได้หลากหลาย กลุ่มเกษตรกรสมัยใหม่ (Smart Farmer) ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญ เพื่อจับเทรนด์ผู้ที่สนใจนำนวัตกรรมมาใช้กับการทำเกษตรมากขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 38% และ 2. กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนเกษตรกร ส่งเสริมให้เกิดเป็น Smart Farmer ที่เข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตรได้อย่างทั่วถึงทดแทนการใช้แรงงาน ภายใต้โครงการ “คูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ” โดยร่วมกับวิสาหกิจชุมชนไปแล้ว 168 กลุ่ม มีเกษตรกรในโครงการ 15,000 คนและเปิดโอกาสให้สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเกษตร และการบริหารจัดการเครื่องจักรการนำไปรับจ้างเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ผ่านกิจกรรมคูโบต้าเชื่อมเครือข่ายชุมชน ใน 3 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาเราได้เข้าไปส่งเสริมการพัฒนาสินค้าแปรรูปและช่องทางจัดจำหน่ายให้ชุมชนเกษตรต้นแบบจังหวัดเชียงราย และเตรียมขยายผลเพิ่มอีก 5 ชุมชนในปีนี้
ในโอกาสครบรอบ 45 ปี บริษัทสยามคูโบต้าได้จัดแคมเปญพิเศษ ภายใต้ธีม “ฉลอง 45 ปี เปิดประสบการณ์ครั้งใหญ่ สุขเคียงข้างกันทั้งปี” พบกับสินค้ารุ่นพิเศษ Limited ฉลอง 45 ปี แทรกเตอร์คูโบต้า L-METALLIC EDITION (สี Lava Orange Metallic) รุ่น L5018SP ขนาด 50 แรงม้า และ L4018SP ขนาด 40 แรงม้า จำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น
นอกจากนี้ยังเตรียมจัดเต็มความคุ้มค่าจัดมาทุกโปรดี ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย 0% ฟรีค่าอะไหล่บำรุงรักษา 1 ปีแรกและบัตรน้ำมัน โปรโมชันซื้อน้ำมันตราช้างลุ้นบินฟรีญี่ปุ่น แลกคะแนนลุ้นทองกับคูโบต้าแฟมิลี่ หรือเลือกแลกรับส่วนลดงานบริการ
“ทั้งหมดนี้เราจะใช้วิธีการสื่อสารกับลูกค้าด้วยกลยุทธ์ “4 Os” ได้แก่ On Air, Online, Out Of Home และ On Ground เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกช่องทาง รวมถึงการจัดกิจกรรมพิเศษ“45 ปีคูโบต้า 45 ปีแห่งความสุข” ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้าทั่วประเทศพร้อมกันช่วงเดือนพฤษภาคม กิจกรรม “คูโบต้าพันธุ์แกร่ง ชิงแชมป์ประเทศไทย” แข่งขันทักษะการขับขี่แทรกเตอร์ ทั้ง 45 สนามแข่งทั่วประเทศ เพื่อค้นหาแชมป์ประเทศไทย” และส่งท้ายปีด้วยกิจกรรมขอบคุณลูกค้าที่อยู่เคียงข้างสยามคูโบต้า “คูโบต้าส่งความสุขไม่มีที่สิ้นสุด” พิษณุ กล่าว
ในวาระก้าวสู่ปีที่ 45 สยามคูโบต้าได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง “ท้าทายโลกเกษตร” (Challenging Agri-Word For The Better Living) โดยมีแนวคิดในการพาเกษตรกรไปสู่เป้าหมายในเส้นทางที่ดีที่สุดด้วยความมั่นใจ ท่ามกลางโลกที่กำลังรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งกลุ่ม Traditional Farmer ที่ต้องการนวัตกรรมเกษตรมาช่วยเติมเต็มให้ชีวิต กลุ่ม Smart Farmer ที่กำลังมองหานวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อการทำเกษตรที่อัจฉริยะยิ่งขึ้น รวมไปถึง Non Farmer ที่สนใจการทำเกษตร ที่มองเห็นถึงโอกาสใหม่ๆ แต่ยังขาดประสบการณ์
“เราเชื่อว่า นวัตกรรมเกษตรที่สยามคูโบต้าไม่หยุดพัฒนามาตลอด 45 ปี จะช่วยนำทางทุกคนผ่านทุกความท้าทาย และสร้างนิยามใหม่ในการทำเกษตรได้อย่างแน่นอน” วราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย