บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทย จับมือ อาวดี้ ประเทศไทย (Audi Thailand) ร่วมสร้าง Green Ecosystem หรือระบบนิเวศสีเขียวยั่งยืน ผ่านนโยบาย Green Mission ครั้งแรกในโลกภายใต้วิสัยทัศน์ “AUDI x SANSIRI Strategic Partnership : Dare to Change” พันธกิจแนวคิดขับเคลื่อนเปลี่ยน 3 ด้านเพื่อโลกสีเขียว ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างความยั่งยืนด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าสร้าง Green Ecosystem ให้สำเร็จภายใน 3 ปี
อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) กล่าวว่า แสนสิริ และอาวดี้ ประเทศไทยตระหนักร่วมกันถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก จึงได้ต่อยอดการทำงานร่วมกันสร้าง Green Ecosystem หรือระบบนิเวศสีเขียวยั่งยืน ผ่านนโยบาย Green Mission ครั้งแรกในโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ “AUDI x SANSIRI Strategic Partnership : Dare to Change” พันธกิจแนวคิดขับเคลื่อนเปลี่ยน 3 ด้านเพื่อโลกสีเขียว ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างความยั่งยืนด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าสร้าง Green Ecosystem ให้สำเร็จภายใน 3 ปี ประกอบด้วย 1) Energy Saving & Generationการพัฒนาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนให้กับโครงการต่าง ๆ 2) Waste Management แนวคิดในการกำจัดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และ3) Sustainability ร่วมกับองค์กรกลุ่มอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ในเมือง จัดการต้นไม้ใหญ่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน ที่สำคัญยังมีโครงการ Smart Move แบ่งปันการใช้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ส่วนกลางสำหรับลูกบ้าน (Sharing Economy) โดยเริ่มต้นจากนำ Audi e-tron รถยนต์ลักชัวรี่พลังงานไฟฟ้ามาใช้ภายในองค์กรแสนสิริอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ที่นิยมอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้รถในทุกวัน
แต่หากมีความจำเป็นต้องเดินทางเพื่อติดต่องาน หรือเดินทางระยะใกล้ สามารถใช้บริการรถจากส่วนกลางได้ โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนของรถไว้คนเดียว
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) กล่าวถึงการร่วมกับ อาวดี้ ประเทศไทยในครั้งนี้ว่า จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 3 ด้าน ทั้งภายในและภายนอกองค์กรแสนสิริ กล่าวคือ 1) CHANGE to Use EV Car : “เปลี่ยน” มาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมให้ลูกบ้านใช้รถ EV เพื่อสร้างโลกสีเขียวที่น่าอยู่ร่วมกัน ทั้งในโครงการแนวราบและแนวสูง โดยเตรียมขยายการติดตั้ง EV Charger Stationในโครงการใหม่บ้านเดี่ยวระดับเซ็กเมนท์ B ขึ้นไปโดยเตรียมระบบไฟ 3 เฟสรองรับการใช้งานสำหรับชาร์จไฟรถEV และทุกโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษในกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟต่าง ๆ เช่น การเข้าชม Audi e-tron ที่ Audi Centre Thailand 2) CHANGE to Use Car Sharing : “เปลี่ยน” มาใช้ Luxury Electric Car Sharing ส่งเสริมให้ลูกบ้านกลุ่มระดับลักชัวรี่ของแสนสิริหันมาใช้ชีวิตแบบ “Luxury Living with Luxury Car Sharing” ด้วยการยกระดับบริการรถยนต์ลักชัวรี่พลังงานไฟฟ้าสำหรับส่วนกลางในโครงการไฮเอนด์ใหม่ในปีนี้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกบ้านในเมือง สำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมืองที่ใกล้บ้าน เพียงจองการใช้งานผ่าน Sansiri Home Service Application โดยนำร่องในทุกโครงการใหม่ คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์เริ่มต้นที่โครงการเดอะ โมนูเม้นท์ ทองหล่อ ในย่านศูนย์กลางการอยู่อาศัยที่เหนือระดับ และ 3) CHANGE Corporate Car to EV Car : เปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้งานภายในองค์กรเป็นระบบไฟฟ้า โดยแสนสิริเป็นองค์กรแรกในเอเชียในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่นำ Audi e-tron ยนตรกรรมSUV พรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100% มาใช้ภายในองค์กร
สะท้อนให้เห็นลึกถึงดีเอ็นเอขององค์กรที่พร้อมมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ลงมือทำอย่างจริงจัง ในการร่วมสร้าง Green Ecosystem หรือระบบนิเวศสีเขียวยั่งยืนเหนือขึ้นไปอีกขั้น โดยนำร่องใช้กับผู้บริหารเป็นลำดับแรก ลำดับถัดไปจะเป็นพนักงานในบริษัทฯ แล้วค่อย ๆ ปลูกฝังสู่ลูกบ้าน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตรทางการค้าของแสนสิริในอนาคตต่อไป
กฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร อาวดี้ ประเทศไทย (Audi Thailand) กล่าวว่า Audi e-tron นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญส่วนหนึ่งในการพัฒนาและขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น Smart City ซึ่งวันนี้ Audi Thailand พร้อมสนับสนุนและกล้าที่จะเปลี่ยนเพื่อความยั่งยืน และจากนโยบายด้านความยั่งยืนที่กลายเป็นรูปธรรม ด้วยการนำยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความร่วมมือทางกลยุทธ์ข้ามอุตสาหกรรมครั้งประวัติศาสตร์ กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ นั่นคือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีนโยบายและวิสัยทัศน์เรื่องความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ในพันธกิจ “Dare to Change” เพื่อร่วมกันยกระดับ Green Ecosystem โดยทางแสนสิริ เลือกนำรถยนต์ Audi e-tron เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ภายในองค์กร
พร้อมกันนี้ Audi Thailand ได้เปิดตัว Audi e-tron ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคตสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 400 กิโลเมตร หัวใจสำคัญคือ แอโรไดนามิกส์ หรือหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ Audi e-tron ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่ช่วยลดการเสียดทานของลมที่ปะทะตัวรถ หนึ่งในนั้นคือการใช้ระบบกระจกมองข้างแบบเสมือนจริง และนับเป็นครั้งแรกของโลกในติดตั้งสู่รถที่จะผลิตเพื่อการขาย มีกระจกมองข้างเสมือนจริงจะมีขนาดแคบกว่ากระจกทั่วไปและติดตั้งกล้องขนาดเล็กไว้ด้วย ขนาดของกระจกอยู่ที่ 15 เซนติเมตรและถ่ายทอดภาพจากจอแบบ OLED ซึ่งติดตั้งตรงกลางระหว่างแผงแสดงผลและประตู รวมถึงอีก 3มุม ในการขับขี่บนถนนมอเตอร์เวย์ การกลับรถ และการจอดรถ เปิดตัวด้วยราคา 5,099,000 ล้านบาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ชาร์จ 1ครั้งหากวิ่งด้วยความเร็วปกติ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถใช้งานได้ประมาณ 5 วันในระยะ 400 กิโลเมตร ทั้งนี้ในอนาคตจะเริ่มผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ออกมาสู่ตลาดปีละ 2 รุ่น เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตอบสนองความต้องการของลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น
อเล็กซานเดอร์ วอน วัลเดนเบิร์ก เดรซิล ผู้อำนวยการส่วนงานต่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และอินเดีย Audi AG กล่าวว่า การนำ Audi e-tron ยนตรกรรมเอสยูวีพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100% ให้เป็นส่วนหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสู่การขับเคลื่อนสังคม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาทำตลาดในประเทศไทยนั้นเพราะมองเห็นช่องทางการทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่กำลังขับเคลื่อนให้มีการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงปรับมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ Audi AG วางแผนการลงทุนเพื่อยกระดับและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ากว่า 14,000 ล้านยูโร โดยคาดหวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะสร้างยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron ในปี พ.ศ. 2562 นี้ไม่ต่ำกว่า 50-80 คัน เบื้องต้นมีลูกค้าติดต่อสอบถามรายละเอียดมาแล้วจำนวนหนึ่ง มีทั้งที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ เอง ลูกค้าของแสนสิริ และลูกค้าทั่วไป