กรุงเทพฯ : แลนเซสส์ (LANXESS) บริษัทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษประกาศความสำเร็จในความสามารถยืนหยัดเติบโตอย่างต่อเนื่องได้แม้ในท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทายในปัจจุบัน แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน และค่าขนส่งจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ.2564 กลับเพิ่มขึ้นถึง 44.0% เป็น 278 ล้านยูโร เทียบกับ 193 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลกำไรที่แข็งแกร่งได้รับแรงหนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งพิเศษ (Specialty Additives) และกลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) แลนเซสส์สามารถปรับเพิ่มราคาขายผลิตภัณฑ์ชดเชยราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งการประสบความสำเร็จและดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ในการเข้าซื้อกิจการทั้ง 3 ครั้งในปีการเงินนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อกิจการของ Emerald Kalama Chemical มีส่วนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนทางด้านอุปสรรคมีในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่พึงประสงค์ ส่วนใหญ่มาจากดอลลาร์สหรัฐฯ และต้นทุนที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านค่าพลังงานและค่าขนส่ง ทำให้รายรับไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้นเป็น 14.2% ในไตรมาสที่สาม เทียบกับ 13.2 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
Matthias Zachert ประธานคณะกรรมการบริหาร LANXESS AG กล่าวว่า ไตรมาสที่สามของปีนี้ เรายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานทางธุรกิจของเราพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเชิงบวก และเราประสบความสำเร็จในชดเชยราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นด้วยการปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเราอย่างสมเหตุสมผลกันได้ พร้อมทั้งการประกาศซื้อกิจการ IFF Microbial Control เป็นลำดับต่อไปจะช่วยขยายกลุ่มธุรกิจการปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) ของเราอีกครั้งในอนาคตอย่างโดดเด่น ซึ่งจะทำให้เรามีเสถียรภาพและผลกำไรมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน วัตถุดิบ และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่ได้ทำให้เราได้รับบาดเจ็บ เราคาดว่าแรงกดดันด้านต้นทุนจะเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสที่สี่” เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเหล่านี้ ห่วงโซ่อุปทานที่ตึงเครียดและการปันส่วนพลังงานในประเทศจีน ซึ่งมีผลกระทบในทางลบต่อการผลิตที่นั่น LANXESS คาดว่า EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติสำหรับทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับล่างสุดของช่วงที่เคยประกาศไว้ที่ระหว่าง 1 พันล้านยูโรถึง 1.05 พันล้านยูโร
Matthias Zachert กล่าว
แลนเซสส์มียอดขายในไตรมาส 3 ปีนี้เพิ่มขึ้น 33.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว โดยปีนี้สร้างยอดขายได้ถึง 1.951 พันล้านยูโร ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานต่อเนื่องอยู่ที่ 68 ล้านยูโร สูงกว่าในไตรมาสที่สามของปี 2563 ซึ่ง LANXESS ทำกำไรได้เพียง 25 ล้านยูโร ทั้งนี้เนื่องมาจากการพัฒนาที่ดีในทุกกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินกิจการและผลดีจากการควบรวมกิจการของ Emerald Kalama Chemical
กลุ่มธุรกิจปกป้องผู้บริโภคยังคงเติบโต
LANXESS เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนด้วยการเข้าซื้อกิจการ Microbial Control จาก International Flavours & Fragrances Inc. (IFF) กลุ่มบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งสองบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อให้มีผลในเดือนสิงหาคมนี้ ธุรกรรมนี้มีกำหนดจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองของปีพ.ศ.2565 IFF Microbial Control เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำในการผลิตสารผสมและพัฒนาสูตรสารออกฤทธิ์ต้านจุลชีพสำหรับการปกป้องวัสดุ สารกันบูด และสารฆ่าเชื้อ
บริษัทฯ สร้างยอดขายประจำปีได้ประมาณ 450 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 380 ล้านยูโร*) และ EBITDA ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 85 ล้านยูโร*) ภายใน 4 ปีหลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมนี้ LANXESS คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุน EBITDA ประจำปีของบริษัทฯ ให้เพิ่มเติมขึ้นประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านยูโร*) ซึ่งเป็นผลมาจากการผสานร่วมกันนี้
ผลดีต่อทุกกลุ่มธุรกิจ : ความต้องการที่เพิ่มขึ้นและราคาผลักดันรายได้
กลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) แม้ราคาวัตถุดิบยังสูงขึ้น จนต้องปรับเพิ่มราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ แต่ความต้องการในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้มียอดขายที่สูงขึ้นในไตรมาสที่สามของปี พ.ศ.2564 โดยเพิ่มขึ้น 28.7% จาก 414 ล้านยูโรเป็น 533 ล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติของกลุ่มนี้มีมูลค่าถึง 84 ล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าตัวเลขปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 71 ล้านยูโรถึง 18.3% แม้ว่ารายรับจะได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มนี้ รวมทั้งค่าขนส่งที่สูงขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่พึงประสงค์ ส่งผลกระทบต่อ EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติลดลงเป็น 15.8% เทียบกับ 17.1% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งพิเศษ (Specialty Additives) ได้ประโยชน์จากราคาจำหน่ายที่ปรับสูงขึ้นและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจย่อย ยอดขายในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ.2564 เพิ่มขึ้น 29.8% จาก 466 ล้านยูโรเป็น 605 ล้านยูโร แม้ว่ารายได้นี้จะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่พึงประสงค์ แต่ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติก็เพิ่มขึ้น 72.9% จากระดับ 59 ล้านยูโรในปีก่อนหน้า ที่ 102 ล้านยูโร กลุ่มนี้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งเป็นต้นมา EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 16.9% เทียบกับ 12.7 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว
กลุ่มธุรกิจการปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) มียอดขายและผลกำไรในไตรมาสที่สามของปี พ.ศ.2564 เติบโตในเชิงบวก โดยเป็นผลเนื่องมาจากมีหน่วยธุรกิจ Flavours & Fragrances ใหม่เข้ามาเสริม ซึ่งพึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ด้วยการซื้อกิจการของ Emerald Kalama Chemical
การเข้าซื้อกิจการของ Theseo และ INTACE และราคาขายที่ปรับสูงขึ้นก็ส่งผลดียอดขายของกลุ่มธุรกิจนี้เช่นกัน โดยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 27.0% เป็น 353 ล้านยูโร เทียบกับ 278 ล้านยูโรในปีที่แล้ว
รายได้ที่เป็นบวกจาก Emerald Kalama Chemical เกือบถูกชดเชยด้วยต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง และการหยุดการผลิตโดยไม่ได้วางแผนที่ Saltigo ทำให้ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติของกลุ่มนี้อยู่ที่ 60 ล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 59 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 1.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วน EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 17.0% เทียบกับ 21.2% ในปีที่แล้ว
กลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) ด้วยราคาขายที่สูงขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น จึงมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ ยอดขายเพิ่มขึ้น 53.0% เป็น 436 ล้านยูโรจาก 285 ล้านยูโรในไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว แม้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา (COVID-19)
แม้ว่าต้นทุนด้านพลังงานและค่าขนส่งที่สูงขึ้นจะส่งผลเสียต่อรายได้ แต่ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติของกลุ่มนี้กลับเพิ่มขึ้น 87.9 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่ 33 ล้านยูโรเป็น 62 ล้านยูโร ส่วน EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 14.2 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 11.6 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว