บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เปิด “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” แห่งแรกในประเทศไทยที่สาขาลาดกระบัง หวังเป็นต้นแบบห้างค้าส่งอัจฉริยะโมเดลฟูดเซอร์วิส ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things :IoT) เชื่อมต่อพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า แบบไร้รอยต่อเพื่อตอบโจทย์การค้าในยุคดิจิทัล
ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของกลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร มุ่งมั่นที่จะยกระดับธุรกิจค้าส่งให้เติบโตไปพร้อมกับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยนำความก้าวหน้าทางปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things :IoT) มาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของลูกค้าทั้ง B2B (Business to Business) ที่ต้องการสินค้าและการบริการที่สะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในสมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับสยามแม็คโครในการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จัดส่งภายใน 1 วัน ค่าบริการขนส่งคิดตามระยะทางจริง และ B2C (Business to Customer) ที่ต้องการสินค้าที่เข้าถึงง่าย สามารถเข้าไปดูสินค้าในแต่ละสาขาจริง สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามต้องการ หรือทำการสั่งซื้อทางสมาร์ทโฟนในครั้งที่ 2 และครั้งอื่น ๆ ต่อไป
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ของลูกค้า และการค้าในยุคดิจิทัล ทางสยามแม็คโครจึงได้ทุ่มงบประมาณ สร้าง “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” แห่งแรกในประเทศไทย ที่สาขาลาดกระบัง บนพื้นที่ 6,700 ตารางเมตร ด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณด้านการก่อสร้างอาคาร และการนำสินค้าแต่ละประเภทเข้ามาจำหน่ายภายในสาขารวม 174 ล้านบาท และใช้สำหรับการนำดิจิทัลที่เกี่ยวข้องเข้ามาออกแบบและวางระบบต่าง ๆ 26 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการภายในร้านค้าและการให้บริการต่าง ๆ ตั้งแต่จุดรับชำระเงิน ชั้นวางสินค้า การบริหารจัดการสินค้าคงคลังทั้งหน้าร้านและหลังร้าน การตรวจเช็คราคาสินค้า การสั่งสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ การใช้ไฟฟ้าและการประหยัดพลังงาน ก่อให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ช่วยให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ สำหรับตรวจสอบปริมาณสินค้าบนชั้นวางว่าสินค้าชนิดใดบ้างที่หมดหรือมีจำนวนลดลง สามารถแจ้งเตือนให้พนักงานเข้าเติมสินค้าได้อย่างรวดเร็วและติดตามผ่านการแสดงหน้าจอบนแผงตรวจสอบและควบคุมการปฏิบัติงานได้แบบเรียลไทม์ และนำ QR Code เข้ามาใช้ในการชำระเงิน ช่วยให้สะดวกมากยิ่งขึ้น 2. เพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการในสาขา ด้วยเทคโนโลยีป้ายอัจฉริยะ จำนวนกว่า 8,000 ชิ้น ภายใต้การควบคุมสั่งงานผ่านจากส่วนกลางที่คอยเปลี่ยนแปลงราคาขึ้น-ลงตามราคาจริงในตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยประหยัดเวลา ให้ราคาตรงกับป้ายสินค้านั้น ๆ
นอกจากนี้มีระบบทำความเย็นอัจฉริยะสำหรับตรวจจับความร้อนและทำความเย็นทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนอุณหภูมิในตู้แช่ เพื่อคงความสดให้สินค้ามีคุณภาพ 3. ประหยัดพลังงานในระยะยาว ด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Panel) บนหลังคา ช่วยผลิตไฟฟ้า สามารถบอกการใช้พลังงานในแต่ละจุด ช่วยให้ประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าได้ถึง 35% และ 4. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยหน้าจอ Eco-Friendly แสดงผลการลดพลังงานภายในสาขา แสดงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างประสบการณ์ความพึงพอใจรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าผู้ประกอบการยุคดิจิทัล ให้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ รวมถึงทำงานสอดคล้องกับแม็คโครแอพพลิเคชั่น ที่เพียงเดินเข้ามาในสาขาจะแจ้งเตือนให้ไม่พลาดทุกโปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
ด้านบริเวณลานจอดรถ มีจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดพลังงานมากขึ้น
“ในอนาคตจะขยายเปิดให้บริการแม็คโคร ดิจิทัล สโตร์ ในพื้นที่สาขาใดอีกบ้างนั้น ขอดูผลตอบรับของลูกค้าและคู่ค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้งในส่วน B2B และ B2C ในเบื้องต้นก่อนที่จะตัดสินใจขยายปรับเปลี่ยนรูปแบบดิจิทัล สโตร์ไปยังสาขาอื่นๆต่อไป ส่วนยอดขายที่จะเข้ามายัง แม็คโครดิจิทัล สโตร์ ที่สาขาลาดกระบังนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายของสยามแม็คโครได้มากน้อยแค่ไหนนั้น เชื่อมั่นว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายได้ดีโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า B2B ที่ต้องการความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้งานนั้นจะไม่กระทบกับพนักงานที่มีอยู่เนื่องจากพนักงานทุกคนจะได้รับการอบรมให้มีความรู้ในการใช้งานเทคโนโลยีอย่างเชี่ยวชาญแล้วนำไปแนะนำลูกค้าให้มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งาน” ศิริพร กล่าว
สำหรับ “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” แห่งแรกในประเทศไทยที่สาขาลาดกระบังนี้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป