วีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมา กล่าวว่า เดิมทีมีการพูดถึง Digital Transformation ซึ่งสถานการณ์ COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการ Adopt ของ Digital Transformation ที่ชัดเจนขึ้น โดยที่ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นมหาศาล มีคำว่า Internet Behavior ที่มาพร้อมกับข้อมูลที่มากมาย ทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวทางด้านไอที และใช้คลาวด์ เนื่องจากเร็วกว่า ยืดหยุ่นและวิเคราะห์ฐานข้อมูลใหม่ๆ ได้
เน็ตแอพนำความเรียบง่าย และยืดหยุ่นของคลาวด์ มายังดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยชุดของSoftware Data Service ที่พัฒนาล่าสุด มุ่งปรับปรุงซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูล NetApp® ONTAP® ที่เชื่อมต่อบนคลาวด์ชั้นนำ และเพิ่มบริการ NetApp Keystone ™ Flex สำหรับระบบการใช้งานแบบ on-demand ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงโซลูชัน NetApp SolidFire® Enterprise SDS ใหม่ ซึ่งการอัพเดททั้งหมดนี้ของเน็ตแอพจะช่วยให้องค์กรใช้ระบบคลาวด์ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด องค์กรจะสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัย ลดต้นทุน และขยายการจัดการข้อมูลจากในองค์กร (on premises) ไปยังระบบคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย และใช้โครงสร้างพื้นฐานบริการระบบคลาวด์แบบไฮบริดอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้เน็ตแอพได้นำเสนอเทคโนโลยีการปรับปรุงประสิทธิภาพและบริการข้อมูลองค์กรสู่ระบบคลาวด์ ด้วยโซลูชั่นแบบไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์และสตอเรจสำหรับคอนเทนเนอร์จาก Spot by NetApp รวมถึงบริการข้อมูลและไฮบริดคลาวด์สตอเรจที่ทำงานแบบอัตโนมัติ และโซลูชั่นเวอร์ชวลเดสก์ท็อปบนระบบคลาวด์ เทคโนโลยีใหม่ของเน็ตแอพจะช่วยเพิ่มความสะดวกและปรับปรุงการจัดการระบบมัลติคลาวด์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และยังรองรับการเคลื่อนย้ายคลาวด์แอพพลิเคชั่นที่ใช้ข้อมูลจำนวนมากได้ยืดหยุ่นอย่างแท้จริง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นสถานที่ทำงานแบบครบวงจรบนสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ ประกอบด้วย 1.โซลูชั่นแบบไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์และสตอเรจสำหรับคอนเทนเนอร์ Spot Storage by NetApp ที่ผสานรวมเข้ากับ Spot Ocean by NetApp ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่องค์กรต่างๆ ในการสร้าง ติดตั้ง และรันแอพพลิเคชั่นที่ใช้ไมโครเซอร์วิสบน Kubernetes โดยไม่จำเป็นต้องจัดการดูแลสตอเรจและบริการข้อมูล
“ Spot ทำให้ค่าใช้จ่ายเหมาะสมมากขึ้น โดยที่ค่าใช้จ่าย Base บน Saving ที่ลดได้ ซึ่งเน็ตแอพเพิ่งเปิดตัวในระดับโลกเพียง 3 เดือนและเริ่มพูดคุยในไทยไม่นาน โดยมีกลุ่มเป้าหมายในไทย คือ ลูกค้าที่เป็นคลาวด์รายใหญ่ เช่น Telco ผู้ใช้คลาวด์ในปริมาณที่มากจะได้รับประโยชน์ ทัง้นี้องค์กรธุรกิจในไทยสามารถติดต่อเน็ตแอพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าสามารถลดค่าใช้จ่าย ” วีระ กล่าว
- บริการข้อมูลและสตอเรจแบบอัตโนมัติ (รวมถึงการปกป้องข้อมูล การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการเคลื่อนย้าย) พร้อมใช้งานผ่านทาง NetApp® Cloud Manager ช่วยให้สามารถตรวจสอบและควบคุมได้อย่างทั่วถึงบนสภาพแวดล้อมไฮบริดทั้งหมด ดังนั้นองค์กรจึงสามารถประหยัดทรัพยากรประมวลผลและสตอเรจได้ถึง 90%
- บริการใหม่NetApp Virtual Desktop Management Service (VDMS)บนระบบคลาวด์ พร้อมดีไซน์โครงสร้างพื้นฐานเวอร์ชวลเดสก์ท็อป (Virtual Desktop Infrastructure – VDI) บนไฮบริดคลาวด์ที่ผ่านการตรวจสอบรับรอง โซลูชั่นเหล่านี้ช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับขนาดทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานให้สอดรับกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของบุคลากรที่ทำงานจากที่บ้านหรือนอกสถานที่ โดยสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เพิ่มความยุ่งยากซับซ้อน ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 50%
กิตติ์ ชสิธภณญ์ ผู้จัดการและวิศวกรอาวุโส อาเซียน บริษัท เน็ตแอพ กล่าวว่า เน็ตแอพ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล Data Security ทั้งนี้ในช่วง Digital Transformation มีการเก็บรายละเอียดตัวตนผ่านข้อมูลต่าง ๆ มากมาย ขณะนี้มีเรื่องกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งการดูแลจัดการข้อมูลให้ปลอดภัย บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย Data Security จึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญ
ในส่วนของ Data Security พบว่า กลุ่ม Heath Care และ Finance เป็น 2 กลุ่มที่พวกเจตนาไม่ดีหวังที่จะเรียกเงินค่าไถ่ ซึ่ง 32% ของข้อมูลรั่วเกี่ยวกับบุคคลภายใน และ 25% ของ Breaches ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเจอ บางความเสียหายมารู้ต่อเมื่อข้อมูลออกเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว
สำหรับเน็ตแอพได้ปรับใช้แนวทางที่ใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางในการรักษาความปลอดภัย ด้วยข้อมูลคือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับองค์กร และข้อมูลคือหัวใจสำคัญของแนวคิด Zero Trust โดยใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งทดแทนหลักการรักษาความปลอดภัยที่ว่า ‘ไว้ใจหลังจากที่ตรวจสอบยืนยัน’ โดยเปลี่ยนไปใช้กฎเหล็กที่ว่า ‘ตรวจสอบยืนยัน แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ’ ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจบริการด้านการเงิน บุคคลภายนอกหลายกรณี กลายเป็นคนใน ที่ทำงานไม่ใช่แค่ส่วนรอบนอกของเครือข่าย หรือจากภายนอก แนวทาง Zero Trust จะถือว่าการรักษาความปลอดภัยในบริเวณอาณาเขตขององค์กร (Perimeter Security) เป็นเรื่องล้าสมัย ทั้งนี้ บริษัทฯ ที่ยึดถือแนวทาง Zero Trust รวมถึงเน็ตแอพ ยอมรับว่าส่วนควบคุมความปลอดภัยควรอยู่ใกล้กับข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“แนวทาง Zero Trust ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กลายเป็นเรื่องจำเป็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และออกมาเป็นมาตรฐานในปีนี้ โดย Zero Trust จะตรวจสอบทุกขั้นตอนตั้งแต่เครือข่าย Device และคนที่ Access เข้ามา โดย Verify ทุกมุมอย่างชัดเจน ซึ่งจะตอบโจทย์ความปลอดภัยด้านมัลแวร์และกฎหมาย ซึ่งประเทศไทยได้บังคับใช้กฎหมาย PDPA ” กิตติ์ กล่าว