ธุรกิจ SME จะเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนได้นั้น ผู้ประกอบการ SME ต้องรู้ทันตลาด เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ หนึ่งในหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในทุกมิติ รวมไปถึงรวบรวมข้อมูลด้านการตลาดผ่านกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศที่ปัจจุบันมีจำนวนสูงถึง 12 ล้านคนต่อวัน เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลช่วยสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการ SME และจากการรวบรวมข้อมูลทำให้เห็นถึงเทรนด์สินค้าที่จะได้รับความนิยมในอนาคต โดยกลุ่มสินค้าที่น่าจับตามองและถูกจัดให้เป็นเทรนด์ในปี 2566 และในอนาคตมีจำนวน 7 กลุ่มสินค้า ดังนี้
1.กลุ่มสินค้าสำหรับผู้สูงวัย ตลาดผู้สูงวัยเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ เต็มไปด้วยกำลังซื้อ เพราะมีทั้งเงินออม เงินบำนาญ และไม่มีภาระค่าใช้จ่ายมากเหมือนวัยหนุ่มสาว ดังนั้นสินค้าที่จะคว้าใจผู้สูงวัยได้นั้นจะเป็นสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือสินค้าที่ช่วยสร้างประสบการณ์ดีๆ เช่น ข้าวต้มพร้อมรับประทาน หากนำนวัตกรรมมาช่วยให้ข้าวต้มยังคงความหอมเหมือนหุงเอง และสามารถคงคุณประโยชน์ของข้าวไว้อย่างครบถ้วน ก็จะสามารถคว้าใจของผู้บริโภคในกลุ่มสูงวัยได้
2.กลุ่มสินค้าเพิ่มความสะดวก พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันชอบความสะดวกสบาย ดังนั้นสินค้าจึงต้องช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค เช่น ผลไม้ที่เดิมใส่ห่อขายเป็นลูก อาจจะต้องหั่นเป็นชิ้นพร้อมไม้จิ้ม เพื่อความสะดวกในการรับประทาน หากเพิ่มพริกกับเกลือหรือเครื่องจิ้มอื่นไปในแพกเกจจิ้ง ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้า นำมาสู่ยอดขายที่เติบโตขึ้น
3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ & ความงาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพและการดูแลตัวเองอย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าสินค้าและบริการในกลุ่มนี้มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าธัญพืช สินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพร
4.กลุ่มสินค้าไซส์เล็ก ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ชอบทดลองสิ่งใหม่ ชอบความสะดวกสบาย และนิยมการอยู่คนเดียวหรือมีครอบครัวขนาดเล็ก ดังนั้นหากผู้ประกอบการผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค สินค้าควรบรรจุอยู่ในแพกเกจจิ้งที่เหมาะแก่การรับประทานในครั้งเดียว และในปริมาณที่เหมาะสำหรับการรับประทานแค่ 1-2 คน สำหรับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอุปโภคก็ควรปรับลดขนาดให้เล็กลง เช่น ครีม อาจปรับให้อยู่ในรูปแบบซอง เพื่อความสะดวกในการพกพา ในราคาที่จับต้องได้
5.กลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใส่ใจและรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่มักมองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่กระบวนการคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงตัวสินค้าและแพกเกจจิ้งต้องตอบโจทย์ในเรื่องสิ่งแวดล้อม
6.กลุ่มสินค้าที่ต่อยอดเอกลักษณ์จากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เทรนด์ความสนใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหรือ Local Lover มีแนวโน้มเติบโตอีกครั้งในช่วงหลังการคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19 ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าท้องถิ่นสามารถขึ้นทะเบียนขอรับตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อยืนยันว่าเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่มีคุณภาพและมีแหล่งที่มาจากท้องถิ่นนั้นๆ จริง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่กลุ่มฐานลูกค้าประจำของสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ ขณะเดียวกัน หากนำมาพัฒนาต่อยอดก็จะทำให้ได้ฐานลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคกลุ่มใหม่เพิ่มเติม เช่น “มะขามหวานเพชรบูรณ์” ที่ บริษัท สวนผึ้งหวาน จำกัด นำมาพัฒนาต่อยอดในหลากหลายรสชาติ หลากหลายรูปแบบ ทำให้ปัจจุบันสามารถขยายตลาดได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ สร้างยอดขายได้สูงถึง 250 ล้านบาทต่อปี
7.กลุ่มสินค้าที่มีนวัตกรรม นวัตกรรมยังคงเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับคู่แข่งในตลาดแล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ถึงแม้จะเป็นสินค้าพื้นบ้านก็มีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต เช่น แหนมสุทธิลักษณ์ ที่นำเอาเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้กับการถนอมอาหารประเภทแหนม เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อหมู สามารถช่วยยืดอายุการจัดเก็บสินค้าให้ยาวนานถึง 2 เดือน โดยปราศจากสารกัมมันตรังสีตกค้าง สามารถรับประทานได้ทันทีไม่ต้องนำไปผ่านความร้อน ปัจจุบันมีจำหน่ายทั่วประเทศ
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจหรือพัฒนาสินค้าในอนาคต สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการทำธุรกิจได้