กรุงเทพฯ – 21 กันยายน 2565 : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จับมือพันธมิตรองค์กรภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในและต่างประเทศกว่า 40 หน่วยงาน แถลงข่าว “การจัดงานประชุมและนิทรรศการ APEC BCG Economy Thailand 2022: Tech to Biz” (Thailand Tech Show 2022) ภายใต้แนวคิด ผสานพลัง วทน. เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน (Synergizing STI to Sustainable Business) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคม 2565 ณ เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ และวันที่ 12 ตุลาคม 2565 พร้อมนำผู้ประกอบการลงพื้นที่ (site visit) ชมโครงการที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022 Thailand) และเปิดงาน Thailand Tech Show 2022 เวทีแสดงผลงานทางวิชาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมวิจัยที่พร้อมต่อยอดธุรกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมโอกาสความร่วมมือด้านธุรกิจ วิชาการระหว่างสมาชิกเอเปคให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในปี 2565 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ประเทศไทยได้แสดงวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติเรื่อง โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) หรือ โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยกระดับความสามารถในการแข่งขันในการพัฒนาประเทศ บนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรที่หลากหลายซึ่งถือเป็นจุดแข็งและต้นทุนสำคัญของประเทศไทย เพื่อนำไปพัฒนาอุตสาหกรรมที่เพิ่มมูลค่าและเกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น สวทช. และพันธมิตรกว่า 40 หน่วยงานจึงจัดงาน APEC BCG Economy Thailand 2022: Tech to Biz (Thailand Tech Show 2022) ภายใต้แนวคิด “ผสานพลัง วทน. เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน” (Synergizing STI to Sustainable Business) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคม 2565 ณ เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซึ่งงานทั้ง 2 วันมีทั้งการประชุม สัมมนา นิทรรศการ เพื่อสร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุนไทยที่สนใจนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเสริมความเข้มแข็งของธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเป็นการสร้างขุมพลังของระบบนิเวศ วิจัยและนวัตกรรม นำไปช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เข้มแข็งและเกิดความมั่งคั่งยั่งยืน และวันที่ 12 ตุลาคม 2565 จะเป็นกิจกรรม site visit พาผู้ประกอบการที่สนใจไปชมโครงการและผลงานที่ประสบความสำเร็จจากการประยุกต์ใช้ BCG Model อาทิ ราชบุรีโมเดล EECi และ Solar Cell Recycle
“หลังจากการแพร่ระบาดของ COCID-19 หลายประเทศ ได้หาวิธีฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว (Disruption) สะท้อนให้เห็นถึงผลเสียจากการพัฒนาที่ไม่ทั่วถึงและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกปล่อยละเลย ด้วยเหตุนี้นโยบายเศรษฐกิจ BCG จึงได้ถูกนำเสนอมาขับเคลื่อนเอเปค 2565 เพื่อตอบโจทย์การฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล โดยเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาต่างๆ ช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งสิ่งที่ประเทศไทยมุ่งผลักดันเป็นหลักคือการ “สร้างความสมดุลในทุกด้าน” หรือ Balance ซึ่งนำแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเอเปค มาบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของภูมิภาคในระยะยาว”
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าวว่า ไฮไลท์สำคัญในการจัดงานครั้งนี้ คือ ในวันที่ 11 ตุลาคม 2565 จะมีการบรรยายพิเศษ 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง (10 Technologies to watch) ซึ่งเป็นการคาดการณ์เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและธุรกิจในอนาคต 5-10 ปีข้างหน้า ที่ผู้ประกอบการในปัจจุบันต้องติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมรับมือและปรับตัวให้เท่าทันกับเทรนด์เทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Disruption) ซึ่งอาจพลิกธุรกิจของทุกภาคส่วนได้เสมอ
ภายในงานยังมีการนำเสนองานวิจัยพร้อมต่อยอดธุรกิจ กับเวที Investment Pitching เวทีแห่งการนำเสนอผลงานต่อนักลงทุนและนักอุตสาหกรรม สำหรับ 10 ผลงานที่มีความพร้อมถ่ายทอดผลงานให้กับผู้ประกอบการที่มองหาโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีการปาฐกถาพิเศษ การบรรยาย และการเสวนา การขับเคลื่อน BCG Economy Model สู่การปฏิบัติ ในเขตเศรษฐกิจเอเปค ครอบคลุมวิทยากรจาก 8 เขตเศรษฐกิจ ในสาขา BCG ทั้งพลังงานและสิ่งแวดล้อม อาหารและเกษตรท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งการพัฒนาชุมชน รวม 7 หัวข้อ อาทิ เทคโนโลยีพลังเพื่อสังคมปลอดคาร์บอน ,วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ,เศรษฐกิจ BCG เพื่อชุมชนเข้มแข็ง เป็นต้น
นอกจากนี้ยีงมีนิทรรศการ APEC Economy Pavilion และ โซน IP Marketplace แหล่งรวมงานวิจัยจากพันธมิตรหน่วยงานวิจัยทั่วประเทศทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีกว่า 200 ผลงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้น ตอบโจทย์ BCG ช่วยเสริมขีดความสามารถการแข่งขันให้กับธุรกิจแบบครบวงจรและยั่งยืน
วริทธิ์ นามวงษ์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและรองประธานสายงานส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรม กล่าวว่า ส.อ.ท. ยินดีที่เป็นหนึ่งในพันธมิตรของ สวทช. และกระทรวง อว. ในการร่วมจัดงาน APEC BCG Economy Thailand 2022: Tech to Biz (Thailand Tech Show 2022) ซึ่งถือเป็นงานที่เพิ่มโอกาสให้กับทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการ ที่กำลังมองหาเทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการในยุค New Normal มีแนวคิดในการทำธุรกิจแบบใหม่ คือ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อการรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งการปรับตัวเชิงรุกจำเป็นต้องมีการพัฒนานวัตกรรม โดยการจัดงานครั้งนี้ จะเป็นเวทีเชื่อมโยงผู้ประกอบการได้พบกับนักวิจัย นักนวัตกร เพื่อแลกเปลี่ยนและเลือกงานวิจัยที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมจนสามารถพัฒนาเป็นธุรกิจได้
“ทั้ง ส.อ.ท. และ สวทช. เป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ใช้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปสู่การพัฒนาธุรกิจของตนเองอย่างเข้มแข็ง เพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งตัวอย่าง การดำเนินงาน อาทิ การร่วมทุน กับกระทรวง อว. ตั้ง “Matching Fund” ช่วย SMEs ต่อยอดธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือสตาร์ทอัปและเอสเอ็มอี BCG Idea การสร้างมาตรฐานองค์กรเศรษฐกิจหมุนเวียน กระทรวงอุตสาหกรรม (Prime Minister Awards) การพัฒนาทักษะ และความเชี่ยวชาญ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ Funding for Upskill 400,000 บาท/องค์กร เป็นต้น” วริทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ส.อ.ท. ได้ดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อน BCG Economy ซึ่งครอบคลุมธุรกิจที่กว้างขวาง ด้วยการต่อยอดเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของประเทศ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยส่งเสริมความเชื่อมโยงงานวิจัย เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับ สวทช. ในการสนับสนุนให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่ม Productivity เช่น โครงการ Cost effective technology การช่วยเหลือด้านทรัพยากร ทั้งแหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ และคำนึงถึงความยั่งยืนควบคู่กันไป
ภายในงานแถลงข่าวได้นำไฮไลท์ผลงานวิจัยที่พร้อมต่อยอดธุรกิจ มาแสดงในงานรวม 5 ผลงาน ได้แก่ 1. FOODe’ care ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างและฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับอาหาร (ENTEC) 2. FleXARs ฟิล์มป้องกันการเกาะของสิ่งมีชีวิต (NECTEC) 3. Prolifera แผ่นแปะกระตุ้นการฟื้นฟูสภาพผิว (NANOTEC) 4. ChelaPlant-Nano ปุ๋ยคีเลตธาตุอาหารรอง-เสริม เพื่อเร่งการเจริญของพืช (NANOTEC) 5. ยาสอดเต้าจากสมุนไพรฝางและว่านหางจระเข้ เพื่อรักษาโรคเต้านมอักเสบในโคนม (มหาวิทยาลัยแม่โจ้)