สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ “9 ดีปเทคสตาร์ทอัป” พร้อมเปิดตัว 9 NSTDA Startup : Deep-tech Startup เพื่อขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและยกระดับเศรษฐกิจด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนาที่สร้างคุณค่าและต่อยอดให้กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) และให้ความสำคัญในการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เสริมศักยภาพและยกระดับผู้ประกอบการนักลงทุน รวมถึงสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการขับเคลื่อนและต่อยอดผลงาน วทน. จากหิ้งสู่ห้างเพื่อเชื่อมโยงให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้สวทช. จึง ขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ ภายใต้กลไกการส่งเสริมและผลักดันผลงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์อีกรูปแบบหนึ่งของ สวทช. หรือที่เรียกว่า ‘นาสท์ด้า สตาร์ตอัป’ NSTDA Startup ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา เพื่อผลักดันผลงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และยังช่วยตอกย้ำศักยภาพงานวิจัยสู่การตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรม
สำหรับงานในสครั้งนี้มีการนำสตาร์ทอัป ที่ได้รับการอนุมัติจาก สวทช. จำนวน 9 ผลงาน ใน 4 อุตสาหกรรม โดยใช้กลไกของ NSTDA Startup ที่จะช่วยตอบโจทย์การเร่งให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของผลงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม(RDI) ให้เร็วยิ่งขึ้น โดยหลักคือจะมีกลุ่มนักวิจัยเข้าร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนและ สวทช. ในการปั้นโมเดลธุรกิจ (Business Model) จากผลงานวิจัยของสวทช. เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นแผนธุรกิจ (Business Plan) อย่างเป็นรูปธรรม แล้วก้าวไปสู่การร่วมจัดตั้งเป็นบริษัทสตาร์ทอัป ประกอบด้วย 1.ด้านอุตสาหกรรม Biotechnology & BIO Service มี 1 สตาร์ทอัป ได้แก่ บริษัท ไบโอเทค โกลเบิ้ล อินโนเวชั่น จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์มด้าน Biotechnology และ Life Science ที่ครบวงจรรายแรกของประเทศที่ครอบคลุมครบถ้วนทั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเครือข่ายธุรกิจ เริ่มต้นจากความร่วมมือระหว่างนักวิจัย สวทช. ร่วมกับ กลุ่มนักธุรกิจไทยและต่างประเทศ (KINGEN Biotech) ที่ต้องการสร้างกลไกขับเคลื่อนธุรกิจไบโอ เทคโนโลยีอย่างครบวงจร ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 25 ล้านบาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ปัจจุบันมีพนักงาน 20 คน สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ : เป็น INTEGRATED BIO BUSINESS PLATFORM IN ASEAN ประกอบด้วย 1.Innovation Platform = R&D และ IP Management 2.Incubation Platform = Business Development & Consulting และ3.In-Market Platform = Marketing & Sale
2.ด้านอุตสาหกรรม Digital มี 3 สตาร์ทอัป ได้แก่ บริษัท เอไอไนน์ จำกัด (AI9) เป็นแพลตฟอร์ม AI ของบริษัทไทยรายแรกที่ให้บริการการถอดเสียงการประชุมโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ที่เกิดจากแนวคิดของเนคเทคที่ต้องการส่งต่องานวิจัยโดยคนไทยให้ถึงมือภาคธุรกิจเอกชน โดยเน้นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในด้านเสียงและการสนทนา (Speech and Conversation) รวมทั้งด้านการเข้าใจภาษา (Language Understanding) เพื่อให้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าใจและสามารถสื่อสารภาษาของมนุษย์ได้ ตอบโจทย์ความต้องการภาคเอกชนที่ต้องการยกระดับ Workflow การทำงานให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จดทะเบียนจัดตั้งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 20 ล้านบาท ปัจจุบันมีพนักงาน 6 คน
สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ : AI Solution โดยผ่านแพลตฟอร์มอัตโนมัติอัจฉริยะที่ใช้การเข้าใจเสียงพูดและข้อความภาษาไทย ประกอบด้วย 1.VATAYA: แพลตฟอร์มบริการแปลงเสียงพูดเป็นข้อความอัตโนมัติ (Speech-To-Text) และสร้างเสียงพูด (Text-To-Speech) 2.CUICUI SURVEY: แพลตฟอร์มสำรวจและวิเคราะห์ความคิดเห็นด้วยSpeech-To-Text และ Sentiment Analysisและ 3.CUICUI: แพลตฟอร์มสร้าง Voice bot และผู้ช่วยส่วนตัว (Digital Assistant)
ส่วนบริษัท ดาร์วินเทค โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มการจัดอาหารและดูแลสุขภาพในสถานศึกษาแบบครบวงจร ซึ่งก้าวจากโภชนาการในสถานศึกษา ไปสู่โจทย์โภชนาการในภาคอุตสาหกรรม/บริการ และอื่นๆ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ : 1.ระบบบริหารจัดการอาหารในโรงเรียนสำหรับผู้ประกอบการ 2.ระบบบริหารจัดการโรงอาหารแบบ Smart Canteen 3.บริการจัดหาวัตถุดิบและปรับเมนูอาหารให้เหมาะสม และ4.บริการเชื่อมต่อ IOT Devices ตามความต้องการ และบริษัท บิ๊กโก อนาไลติกส์ จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาระบบจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data / Data Analytic) ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ลดลง จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2564 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์/บริการ ประกอบด้วย 1.BIG MATCH ระบบบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Integration) รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลที่มีความซับซ้อน มีขนาดใหญ่ รวมทั้งมาจากหลายแหล่งข้อมูลทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปอย่างอัตโนมัติ 2.BIG VIZ ระบบสร้าง Data Visualization และ Dashboard ด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลภายในองค์กรด้วยตัวเองได้สะดวกและรวดเร็ว และ3.BIG STORGANISE รับออกแบบและพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันตามความต้องการระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ Dashboard รวมทั้งให้คำปรึกษาในการพัฒนาระบบจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
3.ด้านอุตสาหกรรม Aging Society/Quality of Life มี สตาร์ทอัป 2 ราย ได้แก่ โครงการ รีไลฟ์ (อยู่ระหว่างเตรียมจดทะเบียนในนามบริษัท รีไลฟ์ จำกัด) ผลิตกระจกตาชีวภาพที่ไม่ต้องรอบริจาคจากผู้อื่น สามารถใช้ได้เลย สามารถออกแบบค่าสายตาให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน ไม่มีความเสี่ยงจากการใช้กระจกตาจากผู้อื่นหรือวัสดุเทียม ได้รับการอนุมัติเป็น NSTDA Startup ในปี พ.ศ.2565 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 100 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ ประกอบด้วย กระจกตาชีวภาพจาก Stem cell ที่สามารถใช้ทดแทนกระจกตาบริจาคได้ทันทีลดระยะเวลาในการรอคอยการบริจาค และไม่มีความเสี่ยงจากการใช้กระจกตาจากผู้อื่นหรือวัสดุเทียม นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์เช่น รากผมชีวภาพจาก Stem Cell, Growth Factors และบริษัท เบรนนิฟิต จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์ม Game-based neurofeedback system ช่วยฟื้นฟูศักยภาพการเรียนรู้ได้ถึง 5 ด้าน และวัดผลได้อย่างแม่นยำ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2564 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ปัจจุบันมีพนักงาน 3 คน สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ ประกอบด้วย ระบบออกกำลังกายสมองสำหรับผู้สูงอายุ และเด็กสมาธิสั้น ฟื้นฟูศักยภาพทางสมอง เพื่อการเรียนรู้ 5 ด้าน ประกอบด้วย Working Memory, Reasoning &Planning, Visual-Spatial, Responsive Processing และ Sustained Attention ที่มีความแม่นยำ
4.ด้านอุตสาหกรรมด้านความงามและอาหารเสริม มี 3 สตาร์ทอัป ได้แก่ บริษัท สไปก์ อาร์ชิ เทคโทนิคส์ จำกัด ผลิตเข็มขนาดไมโคร (Microneedle) ในรูปแบบแผ่นแปะเทคโนโลยี Microspike ที่มีลักษณะพิเศษความเฉพาะที่สามารถดีไซน์ได้ตามต้องการของลูกค้าที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้สามารถนำส่งสารสำคัญผ่านผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาทและจะขยายเป็น 10 ล้านบาทใน 1 ปี สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ ได้แก่ แผ่นแปะเทคโนโลยี Microspike ที่ออกแบบสำหรับการใช้งานเฉพาะจุด สำหรับผลิตภัณฑ์ด้านความงาม สุขภาพและการแพทย์อนาคต เช่น แผ่นแปะใต้ตา แผ่นแปะหน้าแก้ม หรือมาสก์หน้าซึ่งมีขนาดพื้นที่เข็ม Microneedle ใหญ่ที่สุดในโลก
บริษัท ควอนตัม ไบโอเทค จำกัด ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพ นำเทคโนโลยีด้านไบโอรีไฟเนอรี่และไฮบริดมาผลิตสารออกฤทธิ์มูลค่าสูงจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อเดือนกันยายน2564 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 ล้านบาท ปัจจุบันมีพนักงาน 8 คน สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ ประกอบด้วย สารออกฤทธิ์มูลค่าสูง และประยุกต์ในอุตสาหกรรมยา โภชนเภสัชและอาหารฟังก์ชัน เพื่อประโยชน์ต่างๆ ดังนี้ 1.ต่อยอดและรับถ่ายทอดงานวิจัยของ สวทช. ไปใช้เชิงพาณิชย์และนำสู่ภาคอุตสาหกรรม 2.ยกระดับงานวิจัยของ สวทช. อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยทีมนักวิจัยหลักที่เป็นสัญชาติไทย 3.ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ / เพิ่มการส่งออก 4.สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเป็นการ สร้าง Ecosystem การผลิตสารมูลค่าสูงจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และ5.สอดคล้อง BCG ในการต่อยอดวัตถุดิบชีวมวลทางเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตสารมูลค่าสูง เป็นกระบวนการที่ควบคุมและปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยร่วมมือและทำธุรกิจกับต่างประเทศใน CMLVและจีน และโครงการ KANTRUS การผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุออกฤทธิ์สำหรับเครื่องสำอางและการแพทย์ เช่น โปรตีนอีจีเอฟ ที่มีความบริสุทธิ์และความสามารถในการออกฤทธิ์สูง ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยได้รับการอนุมัติเป็น NSTDA Startup ในปี พ.ศ.2565 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งบริษัท สำหรับผลิตภัณฑ์/บริการ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์โปรตีนอีจีเอฟเพื่อเวชสำอางและการแพทย์ ซึ่งเป็นสารชีววัตถุประเภทโกรทแฟกเตอร์ (Growth Factor) ที่มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์สูงและกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ในตลาดโลก ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง เช่น เทคโนโลยีดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ (recombinant DNA technology) ทำให้โปรตีนที่บริสุทธิ์ออกฤทธิ์สูง ในราคาเข้าถึงได้เพิ่มทางเลือกในการผลิตเครื่องสำอางระดับพรีเมียมเพื่อแข่งขันกับแบรนด์ต่างๆ จากบริษัททั่วโลก