สมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จัดงานมอบประกาศนียบัตร NanoQ ปี 2565 ให้กับ 6 บริษัทที่ผลิต/จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีนาโนเทคโนโลยีอยู่ พร้อมเปิดตัว NanoQ เพิ่มอีก 3 กลุ่มคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์นาโนขั้นกลาง (Intermediate nanoproduct), กลุ่มอนุภาคนาโนกักเก็บ (Nanoencapsulation) และ กลุ่มวัตถุดิบ (Raw materials) หวังช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ สร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
ดร.วรรณี ฉินศิริกุล นายกสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน นาโนเทคโนโลยีถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโลกในอนาคต และเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการส่งเสริม การพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainability Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ รวมถึงเป็นเทคโนโลยีที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทย ทั้งนี้สมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรที่สนับสนุน และส่งเสริมการพัฒนา “นาโนเทคโนโลยี” ของประเทศไทยไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนาโนเทคโนโลยี ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถของอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศได้
“หนึ่งในพันธกิจของสมาคมฯ คือ การรับรองฉลากนาโนที่รู้จักกันในนาม “นาโนคิว” (NanoQ) ซึ่งเป็นฉลากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้นาโนเทคโนโลยี, วัสดุนาโน หรือวัสดุโครงสร้างนาโนในกระบวนการผลิต โดยวัสดุนาโนที่ผสมอยู่ภายในผลิตภัณฑ์ จะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีคุณสมบัติเฉพาะหรือพัฒนาขึ้นไปจากคุณสมบัติเดิม โดยเครื่องหมายฉลากนาโน (NanoQ) จะสร้างความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการใช้ผลิตภัณฑ์นาโนที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุนาโนหรือผลิตด้วยเทคโนโลยีนาโน ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับผลิตภัณฑ์นาโนซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ” ดร.วรรณี กล่าว
ผศ.ดร.ธนากร โอสถจันทร์ ประธานคณะกรรมการโครงการฉลากนาโน กล่าวว่า “ฉลากนาโน” เป็นการสร้างมาตรฐานให้กับผลิตภัณฑ์นาโนแบบสมัครใจ ส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้ให้บริการจะได้ตระหนักถึงจริยธรรมในการทำธุรกิจและความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย ผู้ค้า ผู้ให้บริการ รวมถึงความน่าเชื่อถือในการใช้ผลิตภัณฑ์นาโนให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ให้บริการ และตลาดโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ฉลากนาโนได้รับการพัฒนามาแล้ว 15 ปี ปัจจุบันอยู่ใน Generation 3
เดิมทีสมาคมฯ ได้ให้การรับรอง “กลุ่มผลิตภัณฑ์นาโน (Nano Product)” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยวัสดุนาโนหรือมีการใช้นาโนเทคโนโลยีที่ต้องมีสมบัติพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งคือ สมบัติการต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial) หรือสมบัติการสะท้อนน้ำ (Water Repellant) โดยผลิตภัณฑ์ต้องอยู่ในลักษณะที่ลูกค้าพร้อมใช้ เช่น ถังเก็บน้ำพลาสติก ผนังภายในรถพยาบาลยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย สียับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น แต่ด้วยปัจจุบัน มีการประยุกต์ใช้งานนาโนเทคโนโลยีที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น จึงเปิดให้การรับรองเพิ่มเติมอีก 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มผลิตภัณฑ์นาโนขั้นกลาง (Intermediate Nanoproduct) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยวัสดุนาโนหรือมีการใช้นาโนเทคโนโลยี และต้องมีผลการทดสอบสมบัติตามที่ระบุไว้ โดยผลิตภัณฑ์ยังไม่อยู่ในลักษณะที่พร้อมใช้ ผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องผ่านกระบวนการผลิตเพิ่มเติม เช่น ต้องมีการเติม สี กลิ่น หรือเพิ่มส่วนผสมอื่นในผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์นี้ ได้แก่ อนุภาคนาโนกักเก็บสารไล่ยุง
- กลุ่มอนุภาคนาโนกักเก็บ (Nanoencapsulation) เป็นอนุภาคโครงสร้างนาโนกักเก็บสารสำคัญ ซึ่งจะทำให้สารสำคัญมีความเสถียรภาพยาวนานขึ้น หรือเป็นการปรับปรุงสมบัติอื่นที่ไม่พึ่งประสงค์ของสารสำคัญ โดยส่วนใหญ่อนุภาคนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ที่สามารถควบคุมการปลดปล่อยเฉพาะที่หรือช่วงเวลาที่ตามต้องการได้ ตามมาตรฐานกระทรวงอุตสาหกรรมอนุภาค “โครงสร้างนาโน” นี้อาจมีขนาดใหญ่ได้ถึง 300-500 นาโนเมตร ดังตัวอย่างที่เห็นได้จาก มาตรฐานอนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัดขมิ้นชัน
- กลุ่มวัตถุดิบ (Raw Materials) เป็นวัสดุที่เข้าข่ายวัสดุนาโน วัสดุโครงสร้างนาโน หรือวัสดุที่มีการใช้นาโนเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต โดยเป็นวัตถุดิบที่จะใช้ในกระบวนการผลิตให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้ในการประยุกต์ที่หลากหลาย เช่น อนุภาคทองนาโน ท่อนาโนคาร์บอน
ทั้งนี้สมาคมฯ ตั้งเป้ามีผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์นาโนเทคโนโลยีมาขอรับฉลากนาโนหรือ NanoQ ปีละ 5 ราย ประกอบด้วย กลุ่มวัตถุดิบ 2ราย กลุ่มผลิตภัณฑ์นาโน 2 ราย และอื่นๆ 1 ราย โดยมี License 3 ปีและ 5 ปี ให้ผู้ประกอบการเลือกขอรับฉลากนาโนตามที่ต้องการ
ด้านชวิดา จิรรัตน์เดชา ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัทโว อินโนเวชั่น จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงสูตรนาโนซึ่งเป็นรายแรกที่ได้รับฉลากนาโนกลุ่มใหม่อย่างกลุ่มผลิตภัณฑ์นาโนขั้นกลาง (Intermediate Nanoproduct) กล่าวว่า ปัจจุบัน เพื่อให้องค์กรเติบโตการดำเนินธุรกิจต้องมีกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ สร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจ และดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมภิบาล
“บริษัทฯ เล็งเห็นว่า ฉลากนาโนหรือ NanoQ ของสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยนั้น จะช่วยสร้างมั่นใจในคุณภาพของสินค้า เป็นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ รวมทั้งเรานำมาตรฐานที่ได้รับการรับรองสื่อสารให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจว่า NanoQ เป็นมาตรฐานที่บริษัทฯ สามารถนำไปใช้ในการสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า ในคุณภาพและมาตรฐานในการผลิตสินค้าสู่มือผู้บริโภคอย่างแท้จริง นอกเหนือจากการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์จากบริษัทฯ ที่เราสามารถ
นำไปสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ผู้บริโภคเองก็ได้รับประโยชน์จากการได้สินค้าที่มีคุณภาพ มาตรฐาน มีความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมที่จะตื่นตัวในการพยายามคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมาตรฐานเข้าสู่ตลาดต่อไป ” ชวิดา กล่าว
ภายในงานฯ ยังมีพิธีมอบประกาศนียบัตรให้กับ 6 บริษัทที่ได้รับฉลากนาโนจากสมาคมฯ ได้แก่ บริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ที เค ดี ไฟเบอร์ จำกัด, บริษัท เคนเซ่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด และบริษัท โว อินโนเวชั่น จำกัด
นอกจากนี้ ยังเปิดเวทีเสวนาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลจากภาคเอกชนทั้ง 6 บริษัทที่ได้รับประกาศนียบัตรทั้งหมดนั้น จากการผ่านการตรวจสอบ และรับรองให้สามารถใช้ฉลากนาโนบนผลิตภัณฑ์มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ต่างให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าฉลากนาโน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และยกระดับความปลอดภัย โดยเฉพาะผนังภายในรถพยาบาลช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อโรค ในช่วง COVID-19
“เราเชื่อว่า ฉลากนาโน จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยสร้างความชัดเจนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อภาคประชาสังคม และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีสมบัติพิเศษ และใช้นาโนเทคโนโลยีในการผลิตจริง ที่สำคัญผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครเพื่อขอการรับรองผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ประเภทได้ที่สมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย” นายกสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวสรุปทิ้งท้าย