กรุงเทพฯ – 14 ธันวาคม 2563 : สภาวิศวกร ย้ำฝุ่น PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติที่แก้ไม่ตก พร้อมบี้รัฐใช้มาตรการ ‘เก็บภาษีรถยนต์ปล่อยควันดำ’ หลังพบรถยนต์และเครื่องจักรที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นปัจจัยหลักก่อฝุ่น ล่าสุดจากรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ โดยสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ (SCiRA) สจล. ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 9.00 น. พบค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงมากกว่า 200 มคก./ลบ.ม. โดยอยู่ในระดับสีแดง ซึ่งถือเป็นคุณภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เร่งผลักดันรัฐหนุนงานวิจัย/นวัตกรรมแก้ปัญหาฝุ่น หวังลดนำเข้าเทคโนโลยีต่างประเทศ พร้อมวางระบบผังเมืองใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง
นอกจากนี้ SCiRA สจล. ภายใต้ความร่วมมือกับกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาและดำเนินการติดตั้งใน 9 พื้นที่เสี่ยงที่พบปริมาณฝุ่นสะสมหนาแน่น หนุนบรรเทาฝุ่นและสร้างการเข้าถึงข้อมูลฝุ่นแบบเรียลไทม์ในภาคประชาชน
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ฝุ่น PM2.5 ยังคงเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเสี่ยงกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ อย่างเด็กเล็กและผู้สูงอายุ โดยหากเล็ดลอดเข้าไปในกระแสเลือดอาจจะอันตรายถึงชีวิต ซึ่งมีพิษร้ายเทียบเท่าควันบุหรี่ โดยเฉพาะช่วงอากาศปิด ค่าฝุ่นจะยิ่งทวีคูณสูงขึ้น ซึ่งล่าสุด จากรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ โดยสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ (SCiRA) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 9.00 น. พบค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงมากกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) หรืออยู่ในระดับ 5 (สีแดง) ซึ่งถือเป็นคุณภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับปัจจัยหลักของการเกิดฝุ่นนั้นยังคงเป็นปัญหาเดิม โดยเฉพาะรถยนต์และเครื่องจักรที่ใช้น้ำมันดีเซล รวมถึงการเผาในที่โล่งแจ้ง จากแหล่งกำเนิดในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ PM 2.5 ภัยพิบัติระดับชาติ ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยที่ยั่งยืนในระยะยาว สภาวิศวกร จึงแนะ 3 ทางออกไว้ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ภาครัฐ ต้องยกระดับปัญหาฝุ่น เป็นภัยพิบัติของประเทศ ในทางด้านกฎหมาย ผ่านการเก็บภาษีรถยนต์ปล่อยควันดำ ยกระดับมาตรฐานรถยูโร 4 สู่มาตรฐาน EURO 5-6 ปรับค่ามาตรฐานน้ำมันเพื่อสามารถใช้งานกับเครื่องยนต์ EURO 5-6 ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ หรือพลังงานไฟฟ้า รวมถึงจำกัดปริมาณรถบรรทุกในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้านงานวิจัย ควรลงทุนงบประมาณในการพัฒนานวัตกรรมแก้ปัญหาฝุ่น เพื่อลดการนำเข้าเทคโนโลยีต่างประเทศ เช่น ป้ายรถเมล์อัจฉริยะจาก สจล. เครื่องวัดฝุ่นขนาดเล็ก จาก สวทช. ฯลฯ และด้านการวางระบบผังเมืองใหม่ ที่เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากปัจจุบัน 2-3 ตร.ม.ต่อคน เพิ่มเป็นอย่างน้อย 9-10 ตร.ม.ต่อคน
ขณะที่ ภาคเอกชน ควรให้ความร่วมมือในการแสดงผลข้อมูลปริมาณฝุ่น ผ่านจอโฆษณา LED แบบเรียลไทม์ และ ภาคประชาชน ควรตระหนักถึงผลกระทบถึงฝุ่น PM 2.5 ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว และสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงถึงชีวิตของทั้งตนเอง รวมถึงบุคคลในครอบครัว
ดังนั้น จึงควรหมั่นดูแลสุขภาพของตนอยู่เสมอ พร้อมทั้งเลือกสรรนวัตกรรมป้องกันฝุ่น หรือติดตามการรายงานผลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ เกษตรกรควรงดเว้นการเผาในที่โล่งแจ้งอีกด้วย เพื่อลดการเกิดฝุ่นสะสม ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
เผย “ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ” อยู่ระหว่างการพัฒนา
เตรียมติดตั้งใน 9 พื้นที่เสี่ยงพบฝุ่นสะสมหนาแน่น
สำหรับ “ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ” นวัตกรรมตรวจวัดและเตือนภัยฝุ่นละอองขนาดเล็กแบบเรียลไทม์ ที่พัฒนาโดย SCiRA สจล. ที่มาพร้อมความสามารถในการตรวจจับปริมาณฝุ่น สั่งการพัดลมโคจรติดเพดานช่วยระบายฝุ่น พร้อมแสดงผลปริมาณฝุ่นและเฉดสีผ่านจอมอนิเตอร์ โดยความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการพัฒนาและดำเนินการติดตั้งใน 9 พื้นที่เสี่ยงที่พบปริมาณฝุ่นสะสมหนาแน่น ได้แก่ บางซื่อ บางเขน บางกะปิ มีนบุรี ดินแดง พระโขนง ภาษีเจริญ ป้อมปราบศัตรูพ่าย และบางคอแหลม เพื่อบรรเทาฝุ่นและสร้างการเข้าถึงข้อมูลฝุ่นแบบเรียลไทม์ในภาคประชาชน