บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการ Digital Platform และ AI-Empowered Solution ระดับประเทศ เปิดแผนการดำเนินธุรกิจประจำปี พ.ศ.2565 “CONNECTING THAILAND” เชื่อมต่อเทคโนโลยีทันสมัยเข้ากับภาคธุรกิจและการดำเนินชีวิตคนไทยร่วมขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ
ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ.2565 บริษัทฯ มุ่งดำเนินธุรกิจด้วยแผน “CONNECTING THAILAND” เพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีทันสมัยเข้ากับภาคธุรกิจและการดำเนินชีวิตของผู้คน และเชื่อมต่อระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของประเทศไทยให้พร้อมเดินหน้าสู่อนาคต แผน CONNECTING THAILAND ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.Advanced Tech สร้างสรรค์เทคโนโลยีขั้นสูงจากการนำหลากหลายเทคโนโลยี อาทิ IoT, Big Data, Cloud มาผสานการทำงานร่วมกัน จนเกิดเป็นโซลูชันใหม่ๆ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน 2.AI-Empowered Solution พัฒนาและนำโซลูชันที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาตอบโจทย์การดำเนินงานของภาคธุรกิจและการยกระดับคุณภาพชีวิต และ3.Tech Talent Transformation มุ่งทรานส์ฟอร์มคน เพื่อกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร และสนับสนุนการสร้างว่าที่ Tech Talent คนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับทุกกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี เพื่อร่วมแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรจำนวนมากในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะบุคลากรที่มีคุณภาพเฉพาะด้านเทคโนโลยี รวมถึงพื้นที่การบ่มเพาะไอเดียใหม่เพื่อ Reskills และ Upskills ของ Tech Talent
ล่าสุด บริษัทฯได้พัฒนาพื้นที่แบบ Hybrid Function ภายใต้ชื่อ “SKY Space” บริเวณชั้น 1 ของอาคาร เอเอ แคปปิตอล ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นอาคารที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ของบริษัทฯ โดยพื้นที่ดังกล่าว ได้รับการออกแบบให้ภายในพื้นที่เดียว สามารถตอบโจทย์ภาคธุรกิจและการใช้ชีวิตยุคใหม่ และจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ช่วยให้เราสร้าง Tech Culture ที่ดี และช่วยสร้าง Tech Talent เพื่อ Connecting Thailand ได้ถึง 3 ฟังก์ชัน ได้แก่ 1.Smart Office เป็นพื้นที่สำนักงานอัจฉริยะสำหรับพนักงานของ SKY โดดเด่นด้วยระบบ Access Control ใช้การสแกนใบหน้าในการเข้าพื้นที่ต่างๆ และสแกนป้ายทะเบียนรถในการเข้าลานจอดรถ เชื่อมต่อด้วยระบบ Internet of Thing ให้สามารถจองห้องประชุม จอง Smart Locker เปิดและปิดไฟในห้องต่างๆ ได้ผ่าน Web Application 2.Tech Simulation Space เป็นพื้นที่ที่รวบรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยของบริษัท ทั้งกลุ่ม Advanced Tech และกลุ่ม AI-Empowered Solution ซึ่งเป็นรากฐานของแพลตฟอร์มอัจฉริยะต่างๆ ของบริษัทมาไว้ในพื้นที่เดียว เพื่อจัดแสดงให้ภาคธุรกิจ หรือผู้สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้
โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจ เช่น Face Tracking การตรวจจับใบหน้าผ่านกล้อง AI CCTV ให้ AI ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ค้นหาบุคคลต้องสงสัยได้แบบเรียลไทม์ Intrusion Alert ส่งสัญญาณแจ้งเตือนทันที เมื่อมีผู้บุกรุกในบริเวณที่กำหนด People Counting การนับจำนวนคนเข้าออกด้วย AI CCTV ซึ่งสามารถช่วยประยุกต์ใช้กับงานคอนเสิร์ตและธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการนับจำนวนคนเข้าออกในแต่ละวันได้ Heat Map สำหรับตรวจดู Customer Journey และความหนาแน่นของการใช้บริการพื้นที่ต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี Smart Sensor ระบบ Visitor Management System เพิ่มความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าให้แขกเข้าออกอาคารได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญช่วยสนับสนุนการทำงานของนิติบุคคลอาคารต่างๆ ขณะเดียวกันได้นำฟังก์ชันของห้อง Security Operation Center (SOC) ห้องปฏิบัติการด้านความปลอดภัยอัจฉริยะสุดล้ำ เบื้องหลังของ Smart Security Platform ภายใต้ชื่อ TOSSAKAN ที่สามารถทำงานร่วมกับอาคารถึง 7 กลุ่ม มาจำลองให้ชมได้อีกด้วย และ3.Incubator Space เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการจัดกิจกรรมพัฒนา Tech Talent หลากหลายรูปแบบ เช่น การจัดงาน Tech Talk การจัดอีเวนท์ด้านเทคโนโลยี การจัดพื้นที่ Codecamp โดยบริษัทเปิดกว้างทั้งการเป็นผู้จัดงานเอง และเปิดให้ Tech Talent จากภายนอกเข้าร่วมฟัง การจับมือกับพันธมิตร ทั้งสถาบันการศึกษา ตลอดจนองค์กรอื่นๆ ร่วมกันจัดงาน ขณะเดียวกัน ยังเปิดกว้างให้หน่วยงานด้านเทคโนโลยีจากภายนอก เข้ามาใช้พื้นที่จัดงานด้าน Tech ได้อีกด้วย
ขยล กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯ ในปี พ.ศ.2565 คาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 30% จากปี พ.ศ.2564 ขณะนี้มีงาน Backlog กว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังมีงานใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามาเพิ่มอีกทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน