กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 2 กันยายน 2563 : วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยให้เห็นว่าเกือบ 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสนใจที่จะทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งอ้างอิงจากผลการสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า1 (Visa Consumer Payment Attitudes Study)
ผลสำรวจฉบับนี้ ศึกษาถึงพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภค และต่อยอดไปยังการสำรวจหัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ซึ่งผลสำรวจฉบับนี้ยังพบว่า 4 ใน 5 ของผู้บริโภคชาวไทย คิดเป็น80 เปอร์เซ็นต์ มีความสนใจที่จะชำระเงินผ่านเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เพื่อยืนยันตัวตน
สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังเปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ เข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งผลสำรวจฉบับล่าสุดของเราได้ยืนยันในจุดนี้ เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นผู้บริโภคชาวไทยหันมาใช้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
จากผลการสำรวจฉบับนี้ 4ใน 5 คิดเป็น81 เปอร์เซ็นต์เข้าใจถึงคอนเซ็ปต์ของการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัล ที่เป็นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์หรือสมาร์ทโฟนในการเข้าถึงบัญชีธนาคาร โอนเงิน จ่ายบิล และอื่นๆ อีกมากมายโดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารสาขาหรือใช้เงินสด ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าความสะดวกคือแรงจูงใจหลักในการเลือกทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัล คิดเป็น61 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยข้อดีในเรื่องของการที่ไม่ต้องรอคิวที่ธนาคารสาขา คิดเป็น60 เปอร์เซ็นต์ และเป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงิน คิดเป็น57 เปอร์เซ็นต์
สำหรับ 5 บริการที่ผู้บริโภคชาวไทยเลือกที่จะใช้บริการธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลคือ 1.การฝากและถอนเงิน คิดเป็น72 เปอร์เซ็นต์ 2.ชำระบิลต่าง ๆ คิดเป็น70 เปอร์เซ็นต์ 3. โอนเงินไปยังครอบครัวและเพื่อน คิดเป็น 69 เปอร์เซ็นต์ 4.ชำระเงิน ณ ร้านค้า คิดเป็น67 เปอร์เซ็นต์ และการเข้าถึงบริการเพื่อการลงทุน คิดเป็น 58 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้นผลสำรวจยังประเมิณระดับความสนใจของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อการใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ยืนยันตัวตนในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือ การระบุตัวตนผ่านเสียง การสแกนใบหน้าหรือม่านตา โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าสี่ในห้า (80 เปอร์เซ็นต์) ของผู้บริโภคชาวไทยสนใจที่จะชำระเงินผ่านวิธีการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคเจนวาย (อายุ 25 – 39 ปี) ที่ให้ความสนใจมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคเจนเอ็กซ์ (อายุ 40 – 54 ปี) ในการใช้ไบโอเมตริกซ์เพื่อระบุตัวตน (85 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 76 เปอร์เซ็นต์)
เหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยสนใจในการชำระเงินด้วยไบโอเมตริกซ์ คือ ความรวดเร็วและความสะดวกสบายในการชำระเงิน คิดเป็น53 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยความสะดวกที่ไม่ต้องพกบัตรหรือเงินสด คิดเป็น50 เปอร์เซ็นต์ และประเด็นเรื่องของความปลอดภัยที่ผู้บริโภคระบุว่าการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์มีความปลอดภัยมากกว่า คิดเป็น48 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามยังให้เหตุผลว่าการจ่ายเงินด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือเป็นวิธีการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ที่พวกเขาอยากเลือกใช้มากที่สุด นอกจากนี้กลุ่มผู้บริโภคยังรู้สึกพึงพอใจกับการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ด้วยการสแกนม่านตาระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ คิดเป็น52 เปอร์เซ็นต์ เพื่อการศึกษา คิดเป็น42 เปอร์เซ็นต์ และด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย คิดเป็น40 เปอร์เซ็นต์
“วีซ่ายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้ก้าวสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และเราภูมิใจที่ได้จัดทำแบบสำรวจฉบับนี้ขึ้นเพื่อศึกษาถึงสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจ และต้องการใช้งานในชีวิตจริง รวมถึงการร่วมแบ่งปันข้อมูลที่ได้เพื่อให้ทุกหน่วยงานและภาคส่วนพัฒนาเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแต่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังมีศักยภาพในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน” สุริพงษ์ กล่าวสรุป