สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดการประชุมระดมความคิด “บทบาทการดำเนินงานของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยในอนาคต” เพื่อระดมความคิดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของ วว. ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้สามารถนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม
รศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ ประธานกรรมการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า กระทรวง อว. ได้มอบหมายให้ วว. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัด เป็นหน่วยงานที่ช่วยขับเคลื่อนสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ชุมชนและประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมให้วว. มีบทบาทสร้างเยาวชนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านธุรกิจควบคู่กันไป เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมียุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมการพัฒนา BCG มูลค่าสูง การส่งเสริม SMEs ภาคอุตสาหกรรม การวิจัยพัฒนาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมุ่งสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะเพื่อสร้างความยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ วว. มีคณะกรรมการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (กวท.) เป็นผู้กำกับทิศทางการดำเนินงาน โดยมีนโยบายของ กวท. ในช่วงปี พ.ศ. 2567-2568 ดังนี้ 1.วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพของประเทศ 2.วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 3.เร่งการพัฒนาบริการวิเคราะห์ทดสอบมูลค่าสูงที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อลดการส่งวิเคราะห์ทดสอบต่างประเทศของผู้ประกอบการ SMEs และ 4.ขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะ (Intelligence Organization) ที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า สามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันและสร้างคุณค่า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า วว. มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลงาน ตอบโจทย์ ช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศและประชาชนมากว่า 60 ปี ด้วยองค์ความรู้ วทน. ส่งเสริมการนำผลการวิจัยและพัฒนาไปใช้ในทางปฏิบัติให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ วว. เป็นองค์กรแกนหลักที่สร้าง Impact ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ในบริบทการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาทักษะการประกอบอาชีพ พัฒนาศักยภาพการประกอบธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการ OTOP SMEs วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร ผ่านการดำเนินโครงการสำคัญต่างๆ เช่น
- โครงการ Quick win : Up-Skill Re-Skill พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงของ อว. ซึ่งสามารถเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ ให้กับผู้ประกอบการ SMEs บุคลากรภาครัฐและเอกชนในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค กว่า 1,100 คน รองรับอุตสาหกรรมและธุรกิจพื้นที่ ในสาขาที่ประเทศต้องการ เช่น การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาจากผลงานวิจัยและพัฒนา ระบบบริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001 และระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร การสื่อสารการตลาด และเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) สำหรับเกษตรกรรม เป็นต้น
2.โครงการการประเมินและพัฒนาศักยภาพผลผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมในพื้นที่นำร่องจังหวัดยากจน โดยการสนับสนุนทุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มุ่งเน้นให้เกิดอาชีพ สร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนจนเป้าหมาย ให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี และขยายไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน เช่น การดำเนินงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส” โดยประสบผลสำเร็จในการพัฒนารูปแบบโมเดลแก้จน คือ สร้างธุรกิจใหม่ Up Skill และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มี การประเมินและการพัฒนาศักยภาพผลผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมในพื้นที่นำร่องจังหวัดยากจน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง กาฬสินธุ์ สกลนคร นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มุกดาหาร อำนาจเจริญ ยโสธร และศรีสะเกษ และ การส่งเสริมให้ความรู้การขยายเชื้อชีวภัณฑ์ในถังหมักและการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยน้ำริน จังหวัดเชียงราย เป็นต้น
3.โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ (Area based) ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ โดยลงพื้นที่พัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ในพืชเศรษฐกิจใหม่ คือ สมุนไพรและพืชอัตลักษณ์ในพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนทุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ตัวอย่างความสำเร็จ เช่น พื้นที่จังหวัดน่าน เพิ่มมูลค่าสมุนไพรและมะม่วงหิมพานต์ เกิดมูลค่าผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น 93.79% รายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 62.22% มีการพัฒนาผลผลิตไม้ดอกไม้ประดับตามแนวทางมาลัยวิทยสถาน ที่จังหวัดเลย นนทบุรี เชียงใหม่ ลำปาง และพื้นที่อื่นๆ สามารถรวมกลุ่มผู้ประกอบการจำนวน 124 ราย ในรูปแบบเครือข่ายคลัสเตอร์ไม้ดอกไม้ประดับ สามารถเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 90 ล้านบาทต่อปี
4.โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจังหวัดด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มุ่งเน้นให้การทำเกษตรกรรมของจังหวัดได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีความเข้มแข็งและมั่นคงในอาชีพ กระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเกษตรระดับชุมชนท้องถิ่น ในพื้นที่ 8 จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ จันทบุรี ชุมพร ปทุมธานี พังงา เพชรบูรณ์ สกลนคร สมุทรสงคราม และอุดรธานี สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรได้มากกว่า 5,500 คน สร้างนวัตกรรมเป็นผลิตภัณฑ์กว่า 30 นวัตกรรม ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มากกว่า 48 ล้านบาท
5.โครงการตาลเดี่ยวโมเดลจัดการขยะสู่พลังงานและสร้างรายได้เพื่อความยั่งยืนของชุมชน วว. และพันธมิตรต่อยอดงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง จัดสร้าง “ต้นแบบศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย” ที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง แก้ปัญหาพลาสติกใช้แล้วและวัสดุรีไซเคิลในหลุมฝังกลบ เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกว่า 1,000 ตันต่อปี พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สร้างมูลค่าเพิ่มต่อการจัดการขยะ ยกระดับคุณภาพของวัตถุดิบรอบสองตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
สำหรับปัจจัยที่ทำให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของ วว.ประสบความสำเร็จ. ดร.ชุติมา กล่าวว่า วว.ได้ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ ในรูปแบบการพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ “วว. JUMP” ที่ให้บริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองรับการให้บริการแบบ One Stop Service ออนไลน์ 24 ชั่วโมง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการได้อย่างทันท่วงที มุ่งบริการด้านการวิจัยและพัฒนาแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในระดับ SMEs ผู้ผลิตสินค้า OTOP วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนเกษตรกร ที่มีความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ต้องการเพิ่มมูลค่า หรือมีความต้องการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีรูปแบบและขั้นตอนการดำเนินงานที่ครอบคลุมตั้งแต่ การรับฟังแนวความคิดของผู้ประกอบการ การวิจัยและพัฒนา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบและแก้ไขปัญหา การบริการวิเคราะห์ ทดสอบ สอบเทียบ การขยายขนาดการผลิตจากห้องทดลองสู่ระดับการผลิตจริงและพัฒนาระบบบริหารจัดการการผลิตสินค้าพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ทั้งการส่งเสริมด้านการตลาดและเชื่อมโยงด้านการเงิน เป็นต้น
ส่วนการดำเนินงานในอนาคตของ วว. ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานผลิตผลงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงต่ออุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย โดยเฉพาะการวิจัยที่มี Technology Roadmap ขององค์กรเป็นตัวนำและทำต่อเนื่อง เป็นผลงานสร้างนวัตกรรมพร้อมใช้ 60% และฐานองค์ความรู้ 40% โดยมีแนวทางที่ชัดเจนว่างานวิจัยของ วว. ต้องมีผู้นำไปใช้เกิดขึ้นให้ได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม และเป็น market driven มากขึ้น นอกจากนี้ วว. ให้ความสำคัญในการมุ่งเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จ ให้แก่ ผู้ประกอบการ SMEs OTOP และประชาชน อย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก พร้อมสร้างเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงบูรณาการ โดยอยู่บนฐานของทรัพยากรชีวภาพ จะเป็นกลไกสำคัญที่ วว. จะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย สร้างประโยชน์อย่างครบวงจร พัฒนาเทคโนโลยีที่สนองตามบริบทของผู้ใช้ประโยชน์ และสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนและประชาชนเชิงพื้นที่รอบด้าน
สำหรับผลการประชุมระดมความคิดในครั้งนี้ วว. จะนำแนวคิด ข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมทุกภาคส่วนไปปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมแล้วนำมาใช้ขับเคลื่อน การดำเนินงาน ของ วว.และเครือข่ายสร้างองค์ความรู้ ทำแนวนโยบายการดำเนินงาน ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมแก่ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป