โลกเทคโนโลยีและวิศวกรรมทวีบทบาทในวิถีชีวิตปัจจุบันและอนาคต แวดวงวิศวศึกษาได้เปิดหน้าใหม่สู่ยุคของคนหนุ่มสาวอีกครั้ง โดย รศ.ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ วัย 42 ปี ได้รับเลือกเป็นคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยโดดเด่นด้านความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทำงานกว่า 22 ปี ครบเครื่องทั้งเป็นนักบริหาร นักการศึกษาและนักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถในวิศวกรรมศาสตร์ระดับอินเตอร์ เผยทิศทางการบริหารคณะวิศวมะหิดล ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์และ 5 คลัสเตอร์ พัฒนาแฟลตฟอร์มงานวิจัยนวัตกรรม วิศวศึกษาและการบริหารจัดการ ตอบสนองเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษายุคใหม่
รศ.ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้าระบบควบคุม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปริญญาโท 2 ใบจากสาขาวิศวกรรมเครื่องกลและอากาศยาน และสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอกวิศวกรรมการบินและอวกาศ โดยใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา กว่า 10 ปี ซึ่งได้สั่งสมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญจากการทำงานในมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แล้วเดินทางกลับประเทศไทยด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ความรู้มาพัฒนาประเทศไทยและเยาวชนไทย โดยเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยมหิดล รวมกว่า 22 ปี แกร่งทั้งในด้านงานวิชาการ การวางแผนยุทธศาสตร์ การบริหารงาน บริหารโครงการ ร่วมผลักดันความสำเร็จในการยกระดับ 6 หลักสูตรของวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานโลก ABET สหรัฐอเมริกา อีกทั้งเสริมพลังความร่วมมือกับพันธมิตรการศึกษาและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเครือข่ายวิจัยและโครงการระหว่างประเทศ
ในสังคมและเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยพัฒนานวัตกรรม รศ.ดร.ธนภัทร์ เป็นหนึ่งในนักวิชาการที่มีผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศมากมาย เช่น การควบคุมวงโคจรสำหรับดาวเทียม Cube Satellites, การควบคุมติดตามการเคลื่อนที่และเสถียรภาพของเรือชนิด Nonlinear Rigid-Body Ship, การควบคุมความแม่นยำวงโคจรดาวเทียมอย่างอัตโนมัติภายใต้แบบจำลองที่แปรผันตามเวลาและสิ่งแวดล้อมที่ไม่แน่นอน, การวิเคราะห์เสถียรภาพของระบบป้องกันการสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารรถยนต์, การรักษารูปแบบการเคลื่อนที่ของระบบยานพาหนะภาคพื้นดินแบบไร้คนขับ, การควบคุมการบินของระบบอากาศยานไร้คนขับ, วิธีการรักษารูปแบบการบินและวงโคจรของระบบดาวเทียมในสภาวะแวดล้อมที่แปรผัน เป็นต้น
รศ.ดร.ธนภัทร์ กล่าวในงาน Meet the Dean ว่า ในฐานะผู้นำคนใหม่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะมุ่งนโยบายบริหารและขับเคลื่อนองค์กรด้วย วิสัยทัศน์ วิจัยบูรณาการและการศึกษาสากลมุ่งสู่วิศวกรรมระดับโลก (Interdisciplinary Research and Internationalized Education towards World-Class Engineering) และพันธกิจ ในการเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสังคมโลก ด้วยการวิจัย นวัตกรรม และวิชาการทางวิศวกรรมระดับโลก ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมทางวิศวกรรมด้วยพหุศาสตร์เพื่อตอบโจทย์สังคมและโลก 2. พัฒนาวิศวศึกษาอย่างมุ่งผลลัพธ์ เพื่อสร้างสมรรถนะของผู้เรียนในระดับโลก 3. ผนึกความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม ยกระดับบริการทางวิศวกรรมด้วยเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน 4. ดำเนินงานบริหารจัดการโดยยึดหลักวิศวกรรมที่ยั่งยืนและวิศวกรรมเพื่อสังคม 5. สร้างเสริมแบรนด์วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อแข่งขันระดับโลก โดยจะเน้นการวิจัยและผลักดันการศึกษาให้สอดรับกับสากลมากยิ่งขึ้น โดยงานวิจัยมุ่ง 5 คลัสเตอร์ ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของโลก ได้แก่ 1. Healthcare Engineering 2. Logistics and Rail Engineering 3. Digital Engineering 4. Sustainable Engineering 5. Applied Chemical Engineering
“เราจะสนับสนุนงานวิจัยทั้ง Fundamental และ Frontier Research ต่อยอดงานวิจัยขั้นสูง ผลักดันสร้างเสริมนักวิจัยสมรรถนะสูงเพื่อสร้างชื่อเสียงและ Ranking สนับสนุนเงินทุนแก่นักวิจัยและนักศึกษาปริญญาเอก ระดมทุนวิจัยจากแหล่งทุนภายในและต่างประเทศ พัฒนาความร่วมมือกับองค์กรเอกชนและภาคอุตสาหกรรมโดยมุ่งเน้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ส่งเสริมการตีพิมพ์ผลงานวิจัยคุณภาพสูง สนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ สร้างสรรค์ Start ups และผู้ประกอบการ” รศ.ดร.ธนภัทร์ กล่าว
ด้านวิศวศึกษา ซึ่งปัจจุบัน 6 หลักสูตร ปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการรับรองจากมาตรฐานโลก ABET สหรัฐอเมริกา รศ.ดร.ธนภัทร์ กล่าวว่า จะต่อยอดสู่หลักสูตรอื่นๆในระดับปริญญาโท และสนับสนุนมาตรฐาน AUN-QA สำหรับหลักสูตรปริญญาเอกด้วย รวมทั้งขยายหลักสูตรสองปริญญา International Dual Degree ไปยังทุกภาควิชา พัฒนาการเติบโตของวิศวศึกษาด้วยการทำ Sandbox หลักสูตรเฉพาะกับคณะอื่นๆ รองรับตลาด Upskill/Reskill พร้อมทั้งความร่วมมือกับสภาคณบดีวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย และขยายเครือข่ายความร่วมมือกับโรงเรียนต่างๆ
สำหรับระบบการบริหารจัดการ จะพัฒนาให้เป็นระบบดิจิทัล เน้นหลักธรรมาภิบาล ผลักดันการปรับปรุงระบบนิเวศ เพื่อการเรียนการสอนและวิจัยให้เป็นระดับ World-Class University การดำเนินการหน่วยธุรกิจสัมพันธ์ และศิษย์เก่าสัมพันธ์ที่สนับสนุน Marketing Drive รวมทั้งสร้างสรรค์ความเท่าเทียมในการบริหาร ส่งเสริมงานพัฒนาบุคลากร การจัดสวัสดิการที่ดี และส่งเสริมการทำงานอย่างมีความสุข