บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN มั่นใจปี2566 ยอดขายที่ดินเติบโต 20% ตามแผน รับโอกาสนักลงทุนต่างชาติแห่ลงทุนในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก พร้อมโชว์ Backlog เพื่อเร่งทยอยโอนที่ดินให้แก่ลูกค้าในไตรมาส 2 ปี2566 อย่างต่อเนื่อง คาดทั้งปีโอนที่ดินมากกว่า 300 ไร่ เตรียมเจรจาเมกะดีลการขายที่ดินในโครงการ PIN6 คาดได้ข้อสรุปในครึ่งปีหลังของปีนี้
พีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า ภาพรวมนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ามีอัตราเติบโตถึง 18-20% เนื่องจากประเทศไทยได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของประเทศและมีความพร้อมในการเป็นฮับของภูมิภาค โดยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคและแรงงานมีฝีมือที่ดี ประกอบกับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน โดยข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พบว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีนักลงทุนต่างชาติขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.85 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน โดยนักลงทุนจากประเทศจีนให้ความสนใจเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมในการขายที่ดินให้แก่นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุน ซึ่ง PIN พร้อมใช้ความได้เปรียบด้านที่ตั้งของโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1-6 และโครงการโลจิสติกส์ปาร์คปิ่นทองแลนด์ ที่ทุกโครงการล้วนตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC) จุดยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของการดำเนินงานในปีนี้ โดยเฉพาะการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ที่บริษัทฯ มั่นใจว่าในปีนี้จะทำยอดขายได้ 420 ไร่ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะโอนที่ดินให้แก่ลูกค้ามากกกว่า 300 ไร่ หลังจากไตรมาส 1/2566 โอนที่ดินไปแล้ว 94 ไร่ และมี Backlog จำนวน 175 ไร่
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังบริษัทฯ คาดว่า โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 (PIN6) จะสามารถปิดการขายที่ดินได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีนักลงทุนเข้ามาชมโครงการเพิ่มขึ้น 4-5 เท่า และอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุน 1-2 รายที่ต้องการซื้อที่ดินเพื่อตั้งโรงงานผลิตรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หากสามารถตกลงกันได้ก็จะช่วยส่งเสริมผลการดำเนินงานของ PIN เติบโตยิ่งขึ้น