“ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป” ทุ่มงบกว่า 4 หมื่นล้านพัฒนาโครงการ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสน บนพื้นที่กว่า 3,139 ไร่ ให้เป็น One Stop Service City
บริษัท ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ ทุ่มงบประมาณดำเนินการกว่า 4 หมื่นล้านบาท สร้างโครงการ “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” โดยเนรมิตพื้นที่กว่า 3,139 ไร่ พัฒนาโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ให้เป็น One Stop Service City ทันสมัยและครบครัน ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความสุข” (The City of Harmonious Living) เพื่อเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย สร้างชื่อเสียงให้รู้จักไปทั่วโลก
ตฤณ นิลประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางยุทธศาสตร์สูงในหลากหลายมิติ จากการที่รัฐบาลได้กําหนดให้จังหวัดเชียงรายคือหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 ประกอบกับแผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย 4.0” หรือ Tourism Innovation Thailand 4.0 ที่มุ่งสนับสนุนให้จังหวัดเชียงรายเป็น “เมืองแห่งการค้า การลงทุน การเกษตร และการท่องเที่ยว รุ่งเรืองด้วยวัฒนธรรมล้านนา ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข” บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสเพราะการเปิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสน เป็นการขยายโอกาสให้เด่นชัดขึ้น เนื่องจากอำเภอเชียงแสนมีที่ตั้งบริเวณจุดยุทธศาสตร์ของแนวรอยต่อพรมแดน 3 ประเทศ คือประเทศไทย เมียนมา และสปป.ลาว อีกทั้งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของแนวเขตระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) ซึ่งมีการพัฒนาโครงการต่าง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงด้านการคมนาคมเพื่อความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศ จากประเทศจีนทางตอนใต้สู่ประเทศไทย ผ่านเมียนมา และสปป.ลาว ดังนั้น การยกระดับทั้ง 3 อำเภอของจังหวัดเชียงราย คืออำเภอเชียงของ เชียงแสน และแม่สาย เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัว (Infrastructure & Facilities) ไว้หลายด้าน ทั้งด้านการคมนาคมเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อด้านการขนส่งนานาชาติในระดับภูมิภาค ด้านสิทธิประโยชน์ในด้านการลงทุน การเงิน และศุลกากร
จากข้อดีหลาย ๆ ด้านนี้เองทำให้ ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป กล้าตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการ “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสน เนื้อที่รวม 3,139 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของการจัดสรรที่ดินให้แก่นักลงทุน โดยทางบริษัทฯ จะเป็นผู้วาง Master Plan ทั้งโครงการเอาไว้และมี SPAN Consultants Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการออกแบบอาคารวางผังเมืองเป็นผู้ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งนักลงทุนจะเลือกลงทุนตามความถนัด โดยจะได้รับการยกเว้นภาษี 8 ปีและสิทธิพิเศษด้านอื่น ๆ ที่รัฐบาลกำหนดให้สำหรับผู้ที่ลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
ปัจจุบันมีนักลงทุนเช่าซื้อที่ดินไปแล้ว 10 ราย บนพื้นที่กว่า 800 ไร่ ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความสุข” ด้วยจุดเด่น 5 มิติ คือ 1) Synergy ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและชุมชน 2) Economic Drive การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ สร้างการขยายตัวของ GDP (Gross Domestic Product) และสร้างงานเพื่อการเชื่อมโยงและต่อยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ 3) Ecology การให้ความสำคัญต่อเรื่องของสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน 4) Innovation การนำนวัตกรรมที่หลากหลายทั้งสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม และ 5) Smart Tourism การเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งอนาคตมาตรฐานสากลที่ครบวงจรทั้งสถานที่ ความเชี่ยวชาญ แหล่งความรู้ และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
โครงการ “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” มี 3 เฟส บนพื้นที่กว่า 3,139 ไร่
ภายในโครงการตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล จะแบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรก มีพื้นที่ประมาณ 1,200 ไร่ แบ่งเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซนแรก เป็นส่วนของเมดิคัล รีสอร์ท ศูนย์สุขภาพระดับโลก มีพื้นที่กว่า 600 ไร่ ซึ่งเป็นการร่วมทุนของนักลงทุนจาก 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ จีน เกาหลี และมาเลเซีย โซนที่ 2 เป็นส่วนพักผ่อนและนันทนาการ สวนสนุก (ธีมพาร์ค) สวนน้ำ ศูนย์การค้าระดับพรีเมียม ศูนย์การประชุมนานาชาติ โรงแรม คอนโดมิเนียม ที่พักอาศัย และสถานศึกษา ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มทุนจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนโซนที่ 3 จะเป็นการลงทุนของ ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป ประกอบด้วย เสาธงชาติไทยที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 189 เมตร กว้าง 60×40 เมตร คือกว้างเท่ากับสนามฟุตซอล 1 สนาม มีการติดตั้งลิฟท์โดยสารภายในเสาธง สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลกว่า 20 กิโลเมตร ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัท ไทรเด้นท์ ซัพพอร์ท จํากัด (Trident Support LLC) ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเสาธงชาติสูงซึ่งเป็นแลนมาร์คมาแล้วทั่วโลก 7 แห่ง และเสาธงชาติที่สร้างขึ้นนี้จะได้รับการบันทึกลงใน Guinness World Records อีกด้วย, พื้นที่เกษตรกรรมเชิงท่องเที่ยว ศูนย์การเรียนรู้อัตลักษณ์ของคนอำเภอเชียงแสน, ศูนย์กระจายสินค้า และอาคารพาณิชย์
โดยเฟสแรกนี้จะใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาทและใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 3 ปี ซึ่งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ทางโครงการฯได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยแล้ว ได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีกว่า 90% และยินดีที่อำเภอเชียงแสนจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทยและสร้างชื่อเสียงให้รู้จักไปทั่วโลก อีกทั้งจะสร้างงานให้เกิดการกระจายรายได้ในทุกระดับตั้งแต่แรงงานไปจนถึงระดับเจ้าหน้าที่บริการและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากถึงกว่า 10,000 อัตรา
สำหรับการก่อสร้างในเฟสที่ 2 และเฟสที่ 3 จะพัฒนาหลังจากที่จำหน่ายเฟสแรกหมดแล้ว หรือมีการพัฒนาเต็มพื้นที่จากนั้นจะค่อย ๆ พัฒนาพื้นที่ สาธารณูปโภคอย่างอื่นต่อไปในอนาคต