นูทานิคซ์ ผู้นำด้านคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กร เปิดเผยตัวเลขการสำรวจอุตสาหกรรมด้านสาธารณสุขและการแพทย์จากรายงาน Enterprise Cloud Index (ECI) ซึ่งสำรวจเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยสำรวจเกี่ยวกับการวางแผนใช้งานคลาวด์ทั้งที่เป็นไพรเวท ไฮบริด และพับลิคคลาวด์ ขององค์กรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ซึ่งรายงาน ECI ประจำปี ค.ศ. 2019 นี้ได้ทำการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมและธุรกิจหลายขนาดในอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา (EMEA) และเอเชียแปซิฟิค ญี่ปุ่นพบว่า 68% ของผู้ตอบแบบสำรวจให้ความสำคัญกับการใช้คลาวด์
จากการสำรวจพบว่า ในภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลส่งผลต่อการใช้งานคลาวด์อย่างมีนัยสำคัญในอุตสาหกรรมทุกกลุ่ม รวมทั้งองค์กรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ โดย 68% ของผู้ตอบแบบสำรวจให้ความสำคัญกับการใช้คลาวด์ สอดคล้องกับข้อมูลเทรนด์ไอทีด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ที่บริษัทด้านนี้จัดอันดับความสำคัญสิ่งที่จะมีผลกระทบเชิงบวกต่อการใช้คลาวด์ 52% ให้คะแนนกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล และ 44% เป็นเรื่องของการใช้ผู้ช่วยที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ จะเห็นได้ว่าการใช้คลาวด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรด้านนี้ที่จะสามารถให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัยที่สุด นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านนี้ประมาณ 55% ระบุว่ากฎระเบียบด้านการจัดเก็บข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งต่อการพิจารณาใช้คลาวด์ในองค์กรของตนในอนาคต และมีความกังวลเรื่องการนำไอทีมาใช้ให้ได้อย่างรวดเร็ว มากกว่าเรื่องค่าใช้จ่ายและงบประมาณ
สำหรับผลสำรวจที่น่าสนใจอื่น ๆ จากรายงานฉบับนี้ เช่น 1. เรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นปัจจัยอันดับแรก ๆ ในการตัดสินใจเลือกใช้คลาวด์ ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถาม 29% ระบุว่าปัจจัยสำคัญอันดับแรกในการเลือกว่าจะโฮสต์เวิร์คโหลดไว้บนระบบใด คือ การรักษาความปลอดภัยข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ รองลงมาเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งมีผู้ตอบประมาณ 16% เท่านั้นที่เห็นว่า ค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 60.4% ระบุว่า สถานะการรักษาความปลอดภัยของอินเตอร์คลาวด์จะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการปรับใช้งานคลาวด์ในอนาคต 2. เรื่องไฮบริดคลาวด์ได้รับเลือกให้เป็นระบบที่ปลอดภัยที่สุด โดยมีพับลิคคลาวด์รั้งท้าย: จากรายงาน ECI 2019 พบว่า อุตสาหกรรมเกือบทั้งหมดที่ทำการสำรวจระบุว่า ไฮบริดคลาวด์เป็นรูปแบบการทำงานด้านไอทีที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 33% เลือกให้ไฮบริดคลาวด์มีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดในรายงานนี้
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีขององค์กรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ได้จัดอันดับให้ไพรเวทคลาวด์ซึ่งติดตั้งอยู่ในองค์กรเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความปลอดภัยเป็นอันดับ2ประมาณ21% และระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบพับลิคคลาวด์ จัดเป็นระบบที่มีความปลอดภัยน้อยที่สุด และมีเพียง 7% เท่านั้นที่เห็นว่าพับลิคคลาวด์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับองค์กรของตน และ3. การคาดการณ์การใช้ไฮบริดคลาวด์ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจพบว่าบริษัทด้านสาธารณสุขและการแพทย์จำนวนมาก 87% ระบุว่า ไฮบริดคลาวด์เป็นรูปแบบการทำงานด้านไอทีที่เหมาะสม ซึ่งบริษัทจำนวน 44% ได้มีการวางแผนเพิ่มการใช้งานไฮบริดคลาวด์อย่างจริงจัง และบริษัทประมาณ 35% จะลดการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมลง ภายใน 3-5 ปีจากนี้
แม้ว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้มีการใช้ไฮบริดคลาวด์มากกว่าอุตสาหกรรมด้านสาธารณสุขและการแพทย์ไปแล้ว แต่ผลสำรวจระบุว่าบริษัทด้านสาธารณสุขและการแพทย์มีความมั่นใจว่าปัญหาด้านเครื่องมือ ทักษะการใช้คลาวด์ และอุปสรรคอื่น ๆ ที่ขัดขวางการใช้คลาวด์ของอุตสาหกรรมนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วมากขึ้น
เชอรีล โรเดนเฟลส์ ผู้เชี่ยวชาญการวางแผนด้านสาธารณสุขและการแพทย์ นูทานิคซ์ กล่าวว่า องค์กรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ในปัจจุบันต่างมองหาแนวทางในการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ป่วย เพิ่มขีดความสามารถในการใช้ข้อมูลร่วมกันและช่องทางที่จะช่วยให้สามารถให้บริการแบบเสมือนจริง และบริการที่เน้นคุณค่าสูงสุดต่อผู้เข้ารับการรักษา (Value-base Care) โดยแนวทางต่าง ๆ นี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากปราศจากโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัย ซึ่งไฮบริดคลาวด์จะช่วยให้ทีมไอทีรักษาความปลอดภัยข้อมูลผู้ป่วยและปฏิบัติได้ตรงตามกฎระเบียบ นอกจากนี้ไฮบริดคลาวด์ยังช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขและการแพทย์คงการดูแลสุขภาพผู้มารับบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่ดีแก่ผู้รับบริการอีกด้วย